นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เรื่องการขยายระยะเวลาต่อการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะเอ็มโอยู ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบให้ผ่อนผันคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมาที่นายจ้างหรือบริษัทที่ให้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศที่ได้รับมอบอำนาจจากนายจ้าง ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและอนุญาตให้ทำงานเป็นระยะเวลา 6 เดือน ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568- 13 สิงหาคม 2568 เพื่อยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว (บต.33)
พร้อมเอกสารประกอบคำขอแบบบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการรับรองจากทางการประเทศต้นทาง ใบรับรองแพทย์ หลักฐานการขึ้นทะเบียนประกันสังคม หรือหลักฐานการประกันสุขภาพ แล้วแต่กรณี และชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน 1,900 บาท โดยนายทะเบียนจะพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2570 เมื่อครบกำหนดการอนุญาตทำงานคนต่างด้าวสามารถต่อยายุได้อีกครั้งเดียวเป็นเวลา 2 ปี
2.เห็นชอบให้ผ่อนผันต่างด้าวสัญชาติลาวและเวียดนาม ที่ได้รับใบอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรีถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้นายจ้างหรือบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ และเมื่อได้รับอนุญาตจะสามารถให้คนต่างด้าวทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569
“ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการดังกล่าวได้เมื่อมีร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยและร่างประกาศกระทรวงแรงงานมีผลบังคับใช้ จะสิ้นสุดการอนุญาตถึงวันที่13 กุมภาพันธ์นี้ หากยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาจะต้องนำเรือเข้าฝั่งเพื่อการหาแก้ไขปัญหานี้เราต้องแสดงพลังให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงความเดือดร้อนของการประกอบอาชีพ ซึ่งถ้าไม่มีเสียงตอบรับจากรัฐบาล ชาวประมงจะยกระดับนำเรือประมงปิดร่องน้ำทุกจังหวัด”
ด้านนายศราวุธ โถวสกุล ที่ปรึกษาสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวทำให้เรือประมงเริ่มทยอยเข้ามาจอดแล้ว ไม่ใช่แค่ 1 หมื่นลำของเรือประมงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว จะรวมทั้งเรือประมงพื้นบ้านอีก 5 หมื่นลำด้วย คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันทราบข่าวว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ได้ลงนามในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการจ้างแรงงานในเรือประมงต่างจากอาชีพอื่น จะต้องมีหนังสือคนประจำเรือ ที่จะต้องแนบใบอนุญาตการจ้างงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะให้ออกเรือไปหาปลาได้ แล้วถ้าไม่มีอยู่กลางทะเล หนังสือขาดอายุ จะโดนค่าปรับปรับตั้งแต่ 400,000 - 800,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้าง 1 คน
นายมงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร กล่าวว่า ทางสมาคมและสมาชิกอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เนื่องจากแรงงานหมดอายุ 13 กุมภาพันธ์ นี้ เรือต้องจอด เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำผิดกฎหมาย ซึ่งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ