จ่อปลดล็อกคุมเวลา-ห้ามขายเหล้าวันพระ "นายกฯ" สั่งศึกษาทบทวนกฎหมาย

11 ก.พ. 2568 | 12:38 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.พ. 2568 | 14:32 น.
1.8 k

นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร สั่งการในครม. ให้ 4 กระทรวง ศึกษากฎหมายคุมเวลาขายเหล้า และห้ามขายเหล้าวันพระ หลังใช้มานาน 53 ปี ให้ตรงกับความเป็นจริงของทั้งสังคมไทยและการท่องเที่ยว บี้สรุปก่อนสงกรานต์

วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันศึกษาทบทวนกฎหมายการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

“ขอให้ดำเนินการศึกษาทบทวนกฎหมายการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อปรับรูปแบบ ข้อบังคับทางกฎหมายให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายมานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 หรือเมื่อ 53 ปีที่แล้ว” นายจิรายุ ระบุ

ทั้งนี้ที่ผ่ามารัฐบาลได้รับหนังสือจากภาคธุรกิจเอกชนหลายกลุ่ม เสนอถึงข้อเรียกร้องในการพิจารณา ปรับข้อบังคับในการอนุญาตขายให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสังคมไทยในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมามีข้อจำกัดทางกฎหมายไม่สอดรับกับความเป็นจริงในสังคม

โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาหามาตรการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การห้ามจำหน่ายระหว่างเวลา 14.00 -17.00 น. ว่าเหมาะสมหรือสอดรับความเป็นจริงในสังคมไทยอย่างไร และการห้ามจำหน่ายในวันสำคัญทางพุทธศาสนา รวมถึงการห้ามจำหน่ายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจจะติดขัดในเรื่องของข้อจำกัดทางด้านเขตพื้นที่ควบคุม (zoning)

 

จ่อปลดล็อกคุมเวลา-ห้ามขายเหล้าวันพระ \"นายกฯ\" สั่งศึกษาทบทวนกฎหมาย

 

ทั้งนี้ขอให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขในข้อกฎหมาย หรือข้อบังคับหรือประกาศใด ๆ ที่ทำได้ก่อนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มีนาคม 2568 นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ แต่ทั้งนี้ขอย้ำว่า จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และการป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าถึงแอลกอฮอล์ได้อย่างเหมาะสม และเป็นรูปธรรม สอดรับกับความเป็นจริงในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามในการสนับสนุน เศรษฐกิจของประเทศให้คำนึงถึงการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้มีการ ส่งเสริมในการจัดกิจกรรมระดับโลกต่าง ๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีทั้งในเมืองหลัก และเมืองน่าเที่ยว ซึ่งจะเป็นการทำให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่นโรงแรม ร้านอาหาร ได้รับประโยชน์ต่อไป