นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1 ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4-5 มาตรการ เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของมาตรการนั้น ยังจำเป็นต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะต้องเสนอให้คณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 เป็นหนึ่งในมาตรการที่พิจารณาครั้งนี้ ยืนยันว่าจะเริ่มโครงการได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งจะแตกต่างจากสองเฟสแรก โดยเฟสที่หนึ่งแจกให้กับคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนถือบัตรคนพิการ 1.4 ล้านคน เฟสที่สองแจกให้กับคนสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 3 ล้านคน
“ทั้งสองเฟสแรก เป็นการโอนเงินให้ และผู้ที่ได้รับสามารถถอนออกมาเป็นเงินสดใช้จ่ายที่ใดก็ได้ ส่วนเฟสที่สาม จะเป็นการแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ กำหนดเงื่อนไขใช้จ่ายได้ตามร้านค้าที่มีการลงทะเบียนไว้กับกระทรวงการคลัง และจะต้องใช้จ่ายรอบแรก อยู่ภายในเขตอำเภอตามบัตรประชาชนของแต่ละคนเท่านั้น”
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการยังได้พิจารณาถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อีก เช่น มาตรการอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมีการออกสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมาตรการลดรายจ่ายให้กับประชาชน ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น จะต้องมีการดำเนินการที่เป็นโครงการระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว แต่ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้