นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล เฟส 3 นั้น ตามที่ได้ยินมา คาดว่าน่าจะเริ่มไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งจะมีการใช้แพลตฟอร์ม ดิจิทัล วอลเล็ต ที่มีการเชื่อมกับสถานบันการเงินหลายแห่ง ถือเป็นโอกาสให้คนไทยฝึกใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล
ส่วนเรื่องแจกเงิน 1 หมื่นบาทกลุ่มผู้สูงอายุนั้น ประเมินว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว เพียงแต่จะมากหรือน้อย ทั้งนี้ กลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานแล้ว
คาดว่าจะเกิดการใช้เงิน 2 แบบ คือ กลุ่มไม่ได้ทำงานเลย ก็จะเอาเงิน 1 หมื่นบาทไปใช้ซื้อของอุปโภคบริโภค ส่วนคนที่ยังทำงานอยู่ ก็น่าจะเอาไปลงทุน อาทิ ซื้อของมาขายได้
"ไม่ว่าผลทางเศรษฐกิจจะออกมาแค่ไหนไม่สำคัญ ผมคิดว่า จากการที่ไปดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ มานั้น ไทยเราได้รับการประเมิน คะแนนเรื่องการที่ประชาชนใช้ดิจิทัล ดีมาก และดีต่อเนื่อง ฉะนั้น การที่รัฐบาลมีการออกโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็ทำให้การติดต่อกับภาครัฐดีมากขึ้น"
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะดำเนินการแก้หนี้เสีย กลุ่มค้างชำระเกิน 1 ปี ซึ่งกลุ่มที่รัฐบาลจะช่วยลดแค่ดอกเบี้ยก็คงไม่ไหว จะต้องคุยไปถึงเงินต้นด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการไปพูดคุยกันในอนาคต เพราะขณะนี้ มาตรการคุณสู้ เราช่วย ยังลงทะเบียนไม่หมด
นอกจากนี้ ก็อยากเห็นตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาตรที่ 4 ของปี 2567 จริงก่อนด้วย เพื่อดูทิศทางเศรษฐกิจในปี 2568 ถ้าเห็นว่าแนวโน้มดี การพูดคุยกับสถาบันการเงินเรื่องมาตรการช่วยแก้หนี้ ก็น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น
"จีดีพีไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ถ้าไม่เจอน้ำท่วมเชื่อว่าขยายตัวได้ถึง 4% แต่พอมีน้ำท่วมเข้ามา ผมคาดว่า น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 3.5-3.6%"