“สุริยะ” เห็นต่าง ถลุงงบ 140ล้าน นั่งรถไฟฟ้าฟรีแก้ฝุ่น ยันใช้รถส่วนตัวลดลง

27 ม.ค. 2568 | 12:50 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2568 | 13:04 น.

สุริยะ โต้กลับ มาตรการแก้ฝุ่น นั่งรถไฟฟ้าฟรี ถลุงงบ 140 ล้าน ชี้ สถิติคนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง ขอพิจารณาก่อน ขยายระยะเวลาหรือไม่

 

จากมาตรการรัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคม เปิดให้ประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีทุกสาย รวมถึงรถเมล์ขสมก.  ตั้งแต่วันที่ 25 -31 มกราคม2568 หนึ่งในนโยบายแก้ฝุ่น  PM 2.5 ของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี  ที่ทวีความรุนแรงในขณะนี้

นโยบายนั่งรถไฟฟ้าฟรีแก้ฝุ่น

โดยวันแรก (25 มกราคม)  มีรายงานจากกรมการขนส่งทางราง พบว่ามีประชาชนใช้บริการ รถไฟฟ้าฟรีวันแรก 1.63 ล้านเที่ยว-คน เพิ่มขึ้น 45.29%

 

ในทางกลับกัน มีหลายฝ่ายมองว่าแก้ปัญหาฝุ่นไม่ตรงจุด เนื่องจากปริมาณรถยนต์ส่วนตัวยังแน่น ฝุ่นพิษยังปกคลุมเต็มพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนคนใช้บริการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนั่งรถเล่นนั้น   

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 27 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี โดยย้อนถามสื่อว่า ถูกวิจารณ์อย่างไร เพราะประชาชนที่ใช้ประโยชน์ เขาก็แฮปปี้กันหมด ตนจึงไม่ทราบว่าใครมีประเด็นอะไร

ผู้สื่อข่าวถามย้ำ กรณีกลุ่มคนวิจารณ์ระบุว่าเป็นการใช้งบประมาณที่แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด นายสุริยะ กล่าวว่า ตัวเลขชัดเจน สำนักนโยบายแผนขนส่งจราจร มีกล้องวงจรปิดของ กทม. สามารถไปเช็คได้ว่ามีการใช้รถยนต์ลดลงหรือไม่ ซึ่งมีตัวเลขชัดเจนว่าใช้ลดลง จึงแสดงให้เห็นว่าการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้ประชาชนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง

เมื่อถามอีกว่า กลุ่มคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าเป็นคนกลุ่มใหม่ด้วยใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ดูจากปริมาณรถยนต์ที่ใช้ มีตัวเลขปรากฏว่าลดลงชัดเจน ในขณะที่มีมาตรการใช้รถไฟฟ้าฟรี

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการใช้งบ 140 ล้าน เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เหตุใดจึงไม่แก้ไขปัญหาให้ตรงเหตุ นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องทำมาตรการควบคู่กันไป ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย แต่เมื่อเกิดเหตุเฉพาะหน้าเช่นนี้ ก็จะสามารถช่วยลดฝุ่น pm 2.5 ได้อย่างรวดเร็ว 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีโอกาสขยายมาตรการรถไฟฟ้าฟรีต่อไปอีกหรือไม่นั้น ขอเวลาให้ครบ 7 วันก่อน เพื่อประเมินตัวเลข แต่ขอยืนยันว่า นโยบายนี้ทำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวลดลง