ชาวนาติง กระทรวงเกษตรฯ ห้ามเผาตอซังข้าว ชวดได้ไร่ละ 1,000

22 ม.ค. 2568 | 19:24 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 19:24 น.
8.2 k

สมาคมชาวนาฯ ติงกระทรวงเกษตรฯ ห้ามเผาตอซังข้าว ชวดได้ไร่ละ 1,000 ชี้ไม่เป็นธรรม ตั้งคำถาม PM 2.5 ถล่มไทย ต้นเหตุจากอะไรกันแน่ ขณะที่ สว.แจงผ่านสภา ไม่รับไร่ละ 1,000 แลกขอราคาข้าวตันละ 10,000 บาท จากปัจจุบันชาวนาหลังแอ่นขายข้าวได้แค่ 7-8 พันบาทต่อตัน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567   นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ลงนามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เรื่อง มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร  ในช่วงวันที่ 17 มกราคม 2568 ถึง 31 พฤษภาคม 2568 เมื่อมีการตรวจสอบ เกษตรกรจะถูกบันทึกเป็นผู้มีประวัติการเผาโครงการภาครัฐที่มีการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร  หรือ เงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท จะถูกกำหนดให้เกษตรกรที่มีประวัติการเผา ไม่สามารถเข้าร่วมได้ หรือขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 - 31 พฤษภาคม 2570 (เป็นเวลา 2 ปี)  

ชาวนาติง กระทรวงเกษตรฯ ห้ามเผาตอซังข้าว ชวดได้ไร่ละ 1,000

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หากจะทำให้เหมือนโมเดลอ้อยที่หากชาวไร่มีการเผาไร่ โรงงานจะไม่รับอ้อยเข้าโรงงาน และจะไม่ได้รับเงินพิเศษจากการตัดอ้อยสด และการขายใบอ้อยเข้าโรงไฟฟ้าชีวมวลรวม 120 บาทต่อตัน ทั้งนี้ในส่วนของชาวนาผู้ผลูกข้าว หากจะทำให้เหมือนโมเดลอ้อยรัฐบาลก็ควรต้องจ่ายเงินอุดหนุนค่าเก็บเกี่ยว  120 บาทต่อตัน หรือคำนวณจ่ายไร่ละ 2,500-3,000 บาท  เชื่อว่าจะทำให้บริหารจัดการได้อย่างแน่นอน  

ทั้งนี้มาตรการของกระทรวงเกษตรฯ ที่ออกมาทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และบังคับต้องทำทันที ไม่ได้มีการพูดคุยกันก่อนเลย ขณะที่การเผาตอซังข้าว ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ชาวนาแต่ละรายก็ไม่ได้ทำกันทุกปี ขณะที่การเผาตอซังข้าว อีกด้านหนึ่งมีประโยชน์ช่วยกำจัดข้าวดีดและข้าวเด้ง รวมทั้งหลังเผาเป็นขี้เถ้า สามารถช่วยปรับสภาพดินได้ ซึ่งเป็นวิถีที่ชาวนาทำสืบทอดกันมา

“อย่าโทษชาวนาว่าเป็นตัวปัญหาที่ทำให้เกิด PM2.5 เพราะการทำนาทำปีละ 1-2 รอบ ควรจะไปตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม ควันพิษที่เกิดจากท่อไอเสียรถยนต์มากกว่า เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา ขณะเดียวกันควรมีมาตรการที่ดี ๆ ออกมารองรับให้กับชาวนาด้วยในกรณีห้ามเผาตอซัง  เช่น สนับสนุนรถอัดฟาง หรือสารจุลินทรีย์ย่อยสลาย ก็ต้องลงมาช่วย ไม่ใช่มาบังคับโดยนโยบายทันที ทั้งที่เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 มีวัตถุประสงค์คนละอย่าง เป็นคนละเรื่อง ไม่น่าที่จะต้องมามัดโยงกัน”

ชาวนาติง กระทรวงเกษตรฯ ห้ามเผาตอซังข้าว ชวดได้ไร่ละ 1,000

ขณะที่นายเดชา นุตาลัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.)  กล่าวอภิปรายถึงสถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำที่รัฐสภาว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันราคาข้าวตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เกิดความสงสัยว่าเหตุใดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงปล่อยให้ราคาข้าวตกต่ำลงจากตันกว่า 10,000 บาท ปัจจุบันเหลือราคาตันละ 7,000-8,000 บาทเท่านั้น เมื่อผู้ส่งออกชื้อข้าวราคาถูก โรงสีก็ต้องรับซื้อข้าวราคาถูกด้วย เมื่อข้าวราคาถูกชาวนาก็เดือดร้อน อีกประการหนึ่ง การที่นักวิชาการบางคนให้ความเห็นว่า ข้าวประเทศไทยมีต้นสูงจึงขอชี้แจงว่า ต้นทุนในการปลูกข้าว ได้แก่ แรงงาน น้ำมัน ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช และเคมีภัณฑ์ ที่มีราคาแพงเป็นผลพวงจากนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น

ทั้งนี้ชาวนาไม่สามารถลดต้นทุนเหล่านี้ลงได้ด้วยตนเอง จึงทำให้ผลผลิตข้าวมีต้นทุนสูง ยกตัวอย่างราคาปุ๋ย ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด  ราคาปุ๋ย(ขนาด 50 กก.) ราคา 300 กว่าบาท หลังจากช่วงสถานการณ์โควิด  ปุ๋ยราคาปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 1,000 กว่าบาท และปัจจุบันปุ๋ยมีราคากระสอบละ 800 กว่าบาท เมื่อสินค้าและน้ำมันราคาแพงส่งผลให้ต้นทุนในการปลูกข้าวมีราคาสูง และยังขายข้าวไม่ได้ราคา ชาวนาจึงประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลได้ตรวจสอบ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำโดยด่วน พร้อมทั้งลดราคาปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืช เพื่อช่วยเหลือชาวนาให้สามารถผลิตข้าวได้ในต้นทุนที่ต่ำลง เพราะชาวนาต้องการขายข้าวให้ได้ราคามากกว่าการให้เงินเยียวยาชาวนาไร่ละ 1,000 บาท

ชาวนาติง กระทรวงเกษตรฯ ห้ามเผาตอซังข้าว ชวดได้ไร่ละ 1,000

"ส่วนในเรื่องมาตรการการงดเผาตอซัง แลกยังได้ไร่ละ 1,000 บาท ส่วนตัวมองว่าทำไม่ถูกต้อง ควรที่จะหาเครื่องจักร และอุปกรณ์มาให้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอัดฟาง หรือ รถตัดฟาง เช่น “ 1 ตำบล 1 เครื่องอัดฟาง” หรือหมู่บ้านละเครื่อง จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แถมได้ใจชาวนาด้วย”