วันนี้ (21 มกราคม 2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็น 29,763.57 ล้านบาท
โดยเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ เพิ่มขึ้นจากเดิม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5 เท่า
พร้อมกันนี้ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบให้ รฟท. ดำเนินการด้วยวิธีปรองดอง จำนวน 197.37 ล้านบาท ตามนัยมาตรา 39 (5) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 เพื่อใช้ในการจ่ายเงินค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโครงการฯ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ ต่อไป
สำหรับเหตุผลความจำเป็นของเรื่อง รฟท. แจ้งว่า เมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ รฟท. จะต้องดำเนินการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างทางและสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เมื่อถึงขั้นตอนการกำหนดเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนพบว่า ค่าทดแทนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ เนื่องจากที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้น
ประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจและไม่ได้มีการประมาณราคาค่าทดแทนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ไว้ในขั้นตอนขออนุมัติกรอบวงเงินของโครงการฯ ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น โดยที่ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ ยังมีความไม่ชัดเจนในการปรับแบบก่อสร้างเนื่องจากข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่
ดังนั้น เพื่อไม่ให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และ รฟท. สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างได้โดยเร็ว กระทรวงคมนาคม จึงขอเสนอปรับเพิ่มกรอบวงเงินเฉพาะในส่วนของค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา - คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟอีกจำนวน 197.37 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเติม 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของสัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางถนนจิระ กระทรวงคมนาคม จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายหลังต่อไป