กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ Entertainment Complex ไปเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลักดัน “กาสิโนถูกกฎหมาย” โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ เสนอความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายหลายประเด็นนั้น
ล่าสุดฐานเศรษฐกิจได้ตรวจสอบข้อมูลความเห็นประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเสนอเข้ามาโดยพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม มีข้อคิดเห็นที่น่าสนใจระบุว่า กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการส่งเสริมฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังจากเกิดโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ภาครัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ จึงเห็นชอบ และมีข้อสังเกต ดังนี้
1. เมื่อร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้วน่าจะทำให้คนต่างด้าวหลั่งไหลเดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาที่สถานบันเทิงครบวงจรเพื่อเล่นการพนัน ซึ่งการเดินทางเข้าออกของคนต่างด้าวกลุ่มนี้อาจจะนำมาซึ่งการก่อปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบใหม่ที่รัฐยังไม่มีมาตรการรองรับ รวมถึงปัญหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่อาจจะเดินทางแฝงตัวเข้ามาเพื่อก่ออาชญากรรมได้
2. การพัฒนาธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่ให้เป็นสถานบันเทิงครบวงจร อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กหรือเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศในเรื่องนโยบายทางการศึกษา ที่เคยมุ่งเน้นให้เยาวชนเป็นผู้ที่มีศีลธรรมอันดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ หลักการศาสนาอิสลามหรือศาสนาอื่น และรวมถึงสถาบันครอบครัวของเยาวชนด้วย
ถ้ารัฐยังไม่มีมาตรการที่จะป้องกัน และส่งเสริมวินัยประชากรตั้งแต่วัยเด็ก จะนำมาซึ่งความไร้ระเบียบวินัยของประชากรในอนาคต และจะเป็นการเพิ่มภาระในการขับเคลื่อนประเทศให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล
3. ควรกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐไว้ในกฎหมายด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาการแก้ปัญหาการทุจริตยังมีข้อจำกัดอย่างเห็นได้ชัด และยังไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเท่าที่ควร และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น
4. ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่สามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีการมีธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว จะเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการของภาครัฐหรือไม่ อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าของเศรษฐกิจ สังคม
ทั้งนี้การมีบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการมีหลักประกันว่าจะเกิดความคุ้มค่าในภาพรวมได้ รวมถึงการรักษาภาพลักษณ์ของสังคมไทยให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ซึ่งอาจต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่านโยบายนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
อย่างไรก็ตามมติครม.ได้มอบหมายให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมไปประกอบการพิจารณาในชั้นการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย