"จุรินทร์" เดินหน้า ประกันรายได้ปาล์มปี 4 อัดอีก 6.4 พันล้าน

12 ก.ย. 2565 | 13:36 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ย. 2565 | 20:41 น.

พาณิชย์ เดินหน้าประกันรายได้ปี 4 ต่อเนื่อง ช่วยชาวสวนปาล์มร่วม 380,000 ครัวเรือน กว่า 6,437 ล้านบาท พร้อมชงปรับ B5 เป็น B7 เตือนขายพันธุ์ปาล์มปลอมดำเนินคดีสูงสุด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ครั้งที่ 2/2565 (ครั้งที่ 31) พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน

 

โดยที่ประชุมติดตามสถานการณ์ผลผลิตในประเทศของปี 65 พบว่า ปริมาณผลปาล์มเพิ่มขึ้น 4% สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศช่วงปลายเดือน ส.ค.อยู่ที่ 2.6 แสนตัน เพิ่มขึ้น 27% เทียบกับตอนสิ้นเดือน ก.ค.

การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 65 ที่ 6.3 แสนตัน เพิ่มขึ้น 97% คู่แข่งสำคัญในตลาดส่งออกคืออินโดนีเซีย ขณะนี้เลิกห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบแล้ว และเร่งรัดการส่งออกด้วยการยกเลิกภาษีการส่งออก ตั้งแต่ 18 ก.ค. -31 ต.ค. 65 ซึ่งมีผลกระทบต่อการแข่งขันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของเราด้วย ตัวเลขการส่งออกในเดือน ส.ค. ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวและเดือน ก.ย. ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวเช่นเดียวกัน

 

ที่ประชุมจึงมีมติ เห็นชอบ 2 เรื่อง 1.เห็นชอบให้มีการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ปีที่ 4 โดยหลักเกณฑ์เหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาทครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ และผลปาล์มต้องอายุ 3 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนเกษตรกรไว้ 3.8 แสนครอบครัว

 

จะมีการจ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด ถ้าราคาปาล์มในตลาด ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท โดยจะกำหนดราคาอ้างอิงทุก 30 วัน เริ่มจ่ายส่วนต่างงวดแรก 15 ก.ย. 65 - 15 ส.ค. 66 วงเงินที่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายเงินส่วนต่างปาล์ม 6,128 ล้านบาท

 

 2. เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน สนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 2 บาท ถ้าเข้าเงื่อนไข 2 ข้อ  คือ 1)สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศล้นจนสูงเกินกว่า 300,000 ตัน 2)ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาในตลาดโลก จะช่วยผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 2 บาท จะดำเนินการจนถึงเดือน ก.ย. 66  ตั้งวงเงินไว้ 309 ล้านบาท รวม 2 โครงการนี้ ประกันรายได้ปาล์มปี 4 และมาตรการเสริม 6,437 ล้านบาท

 

ทั้งนี้คณะกรรมการได้แสดงความห่วง พร้อมฝากเตือนไปยังเกษตรกรที่สนใจจะปลูกปาล์มใหม่ให้ระมัดระวังในเรื่องต้นกล้าปาล์มปลอม ซึ่งมีระบาดในหลายพื้นที่ ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีการปลูกปาล์มเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ และเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ที่รับผิดชอบรับทราบ

 

โดยเกษตรกรผู้สนใจที่จะปลูกปาล์มใหม่ ถ้าต้องการตรวจสอบว่าต้นกล้าเป็นพันธุ์ที่แท้จริง ให้ใช้บริการกรมวิชาการซึ่งจะมีประจำทุกสำนักงานเกษตรอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 882 ศูนย์ เพื่อได้รับความมั่นใจว่าเป็นพันธุ์ปาล์มที่ถูกต้อง

 

หรือถ้าพบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายพันธุ์ปาล์มปลอม ให้ช่วยแจ้งที่ 1569 ของกระทรวงพาณิชย์หรือกรมการค้าภายใน เพื่อจะได้ลงไปดำเนินคดีหรือตรวจสอบต่อไปได้ และระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีไปแล้ว 2 รายสำหรับผู้ขายต้นกล้าปาล์มปลอม จำนวน 42,800 ต้น มูลค่ารวม 7 ล้านบาทที่จังหวัดกระบี่ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอเตือนผู้ที่กระทำการนี้และอย่าคิดทำเพราะไม่คุ้ม

 

และที่ประชุมยังมีความเห็นว่าควรได้มีการปรับปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มที่ปรับลดลงมาขณะนี้ด้วยการปรับจาก B5 เป็น B7 ซึ่งจะนำเสนอตามขั้นตอนกระบวนการต่อไปสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.)

 

และได้มีการสั่งการให้เข้มงวดเรื่องมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องชั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งห้ามลานเทใช้ตะแกรงร่อนลูกร่วง และเข้มงวดการจดทะเบียนลานเท และขอให้รับซื้อเฉพาะผลปาล์มสุกเพื่อจะได้ผลปาล์มที่มีคุณภาพทำให้เกษตรกรช่วยสนับสนุนการตัดผลปาล์มที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบต่อไปได้ด้วย

 

“ขณะนี้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมา ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกปรับลดลงมาเยอะ ตลาดมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดกลางใหญ่ของโลก ราคาปรับลดลงมาถึง 17% ที่ประชุมเห็นชอบควรช่วยส่งเสริมราคาปาล์มให้ปรับสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยเสนอให้ทำไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 และเร่งรัดสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มของไทยไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น” นายจุรินทร์ กล่าว