เอกชนเฮ บอร์ดรฟท.เคาะต่อสัญญาเช่า โรงแรมรถไฟหัวหิน-สถานีธนบุรี

28 มิ.ย. 2565 | 12:58 น.
อัปเดตล่าสุด :28 มิ.ย. 2565 | 20:02 น.

บอร์ดรฟท.ไฟเขียวต่อสัญญาเช่าโรงแรมรถไฟหัวหิน 1 ปี สั่งบริษัทเอสอาร์ทีศึกษาแผนประมูลใหม่-ต่อสัญญาเช่ารายเดิม ฟากการต่อสัญญาสถานีธนบุรีเพิ่มอีก 10 ปี พ่วงเงื่อนไขปรับปรุงตลาด-ระบบสาธารณูปโภค 32 ล้านบาท ปรับสีผังเมืองใหม่ อัพเกรดพื้นที่ในอนาคต

นายเอก สิทธิเวคิน รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการเจรจาต่อสัญญาเช่าที่ดิน อาคาร และทรัพย์สินของโรงแรมรถไฟหัวหิน ที่สถานีหัวหิน เบื้องต้นที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.มีมติอนุมัติให้รฟท.ต่อสัญญาเช่าโรงแรมรถไฟหัวหิน หรือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน พื้นที่ 71.65 ไร่ ให้กับบริษัท เซ็นทรัลหัวหินบีช รีสอร์ท จำกัด ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2565-15 พฤษภาคม 2566 จากเดิมสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 ภายใต้เงื่อนไขค่าธรรมเนียมค่าเช่าตามเดิมในสัญญาที่ระบุให้บริษัทฯชำระค่าธรรมเนียมค่าเช่าราว 9.4 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการฟท.สั่งให้มีการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการต่อสัญญาให้ผู้เช่ารายเดิมหรือบอกเลิกสัญญาเช่า ซึ่งมีการศึกษาแล้วหากบอกเลิกค่าเช่าจะทำให้รฟท.มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าปรับปรุงสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมทั้งค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 

 

 


ทั้งนี้ในช่วงที่มีการต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิมนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการรฟท.ได้มอบหมายให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (บริษัทลูก)ศึกษาแนวทางการเดินหน้าสัญญาจะประมูลใหม่หรือเจรจาต่อสัญญาเช่าให้กับผู้เช่ารายเดิม รวมทั้งศึกษาอัตราค่าเช่าให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เนื่องจากผลการศึกษาฉบับเดิมเป็นการศึกษาในช่วงปี 2560-2561 ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รฟท.ต้องขยายเวลาการต่อสัญญาเช่าแก่ผู้เช่ารายเดิมออกไปก่อน 1 ปี เพื่อให้หาแนวทางดังกล่าวให้เกิดความเหมาะสม ทั้งนี้รฟท.ให้บริษัทเอสอาร์ที ฯ กำหนดระยะเวลาดำเนินการของผลการศึกษาดังกล่าวเพื่อนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการรฟท.รับทราบโดยด่วน

“หากเราไม่ต่อสัญญาให้กับผู้เช่ารายเดิม เชื่อว่าการเปิดประมูลหาผู้เช่ารายใหม่จะใช้ระยะเวลาราว 6 เดือน-1ปี ซึ่งเป็นการใช้ระยะเวลานาน ทำให้รายได้จากค่าเช่าของรฟท.หายไป ถือเป็นค่าเสียโอกาส รวมทั้งค่าใช้จ่ายยังมีให้ชำระอยู่ทุกๆเดือน ส่วนจะมีการพิจารณายืดอายุการต่อสัญญาจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ มองว่าหากผลการศึกษาระบุว่าการต่อสัญญาออกไป 10-15 ปี มีระยะเวลาสั้นเกินไป เพราะสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่คลี่คลาย 100% อาจจะมีการปรับประมาณการณ์ใหม่ ซึ่งจะต้องไปดูในเรื่องของกฎหมายด้วย”

 

 


นายเอก กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการต่อสัญญาเช่ารายบริษัทยูไนเต็ด โกลเบิล เอเยนซี (ประเทศไทย) จำกัด ที่สถานีธนบุรี ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.มีมติอนุมัติให้รฟท.ต่อสัญญาเช่าให้กับบริษัทยูไนเต็ด โกลเบิล เอเยนซี (ประเทศไทย) จำกัด พื้นที่ 25,066 ตารางเมตร อายุสัญญา 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2565-19 กรกฎาคม 2575 จากเดิมที่สัญญาสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2555-19 กรกฎาคม 2565 โดยการต่อสัญญาในครั้งนี้ระบุในสัญญาถึงผลการตอบแทนสัญญาว่าผู้ค้าเดิมที่ได้รับสิทธิการเช่าจะต้องมีการปรับปรุงตลาดและระบบสาธารณูปโภค มูลค่า 32 ล้านบาท หากการปรับปรุงตลาดมีมูลค่าไม่ถึง 32 ล้านบาท บริษัทยูไนเต็ดฯจะต้องชำระเงินชดเชยคืนให้กับรฟท.

สำหรับค่าธรรมเนียมในการต่อสัญญาเช่าของบริษัทยูไนเต็ดฯออกไป 10 ปี คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน ณ วันที่สิ้นสุดสัญญาเช่า (NPV) อยู่ที่ 139 ล้านบาท หากเฉลี่ยค่าธรรมเนียมในการเช่ารายปีอยู่ที่ 16 ล้านบาท โดยเงื่อนไขการต่อสัญญาเช่าจะมีการปรับอัตราค่าเช่าเพิ่ม 10% ทุกๆ 3 ปี 

 

 

รายงานข่าวจากรฟท. แจ้งว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 บริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (บริษัทลูก) มีหนังสือให้ความเห็นผลการศึกษาและข้อเสนอแนะบริเวณสถานีธนบุรี โดยเสนอให้ต่อสัญญาไม่เกิน 7 ปี และขอให้บริษัทยูไนเต็ดฯเสนอแผนปรับปรุงให้มีจุดสำหรับรถขนของและแผนการบริหารจัดการ คู่มือการบริหารจัดการตลาด เพื่อลดปัญหาจราจรในพื้นที่บริเวณโดยรอบของโรงพยาบาลศิริราชและเสนอให้รฟท.ดำเนินการยื่นขอปรับสีผังเมืองย่านตลาดให้เป็นสีน้ำตาลหรือสีแดงตามผลการศึกษาให้แส้วเสร็จเพื่อพัฒนาพื้นที่ในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในผังเมืองสีน้ำเงิน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ในระยะเวลาอันใกล้ 

 

 

นอกจากนี้จากผลตอบแทนข้างต้น รฟท.เห็นว่าหากขยายการต่ออายุสัญญาจาก 7 ปี เป็น 10 ปี จะทำให้รฟท.มีรายได้เพิ่มจากค่าเช่าเป็นเงิน 52 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน เป็นเงิน 41 ล้านบาท  ดังนั้นเพื่อเป็นการหารายได้เพิ่มให้กับรฟท.ประกอบกับมีข้อจำกัดหลายประการในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว จึงเห็นควรให้ต่อสัญญาให้กับบริษัทยูไนเต็ดฯออกไปอีก 10 ปี