"พาณิชย์" สั่งห้ามขึ้นราคา "มาม่า" ย้ำจะตรึงราคาให้นานที่สุด

10 มิ.ย. 2565 | 12:31 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มิ.ย. 2565 | 19:31 น.
1.9 k

"พาณิชย์" สั่งห้ามขึ้นราคา "มาม่า" ย้ำจะตรึงราคาให้นานที่สุด หลังมีกระแสข่าวสหพัฒน์ขอปรับขึ้นราคา ยอมรับเห็นใจทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีสหพัฒน์ขอปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  ยี่ห้อ "มาม่า" ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งขายอยู่ปัจจุบันซองละ 6 บาทได้มีการร้องขอปรับราคามาหลายเดือนแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา

 

ที่มีข่าวเรื่องปรับราคาก่อนหน้านี้คือการปรับราคาระบบการบริหารจัดการภายในเป็นทอดๆ เช่น จากโรงงานไประบบค่าส่งไประบบค้าปลีก เป็นต้น

 

แต่ปลายทางยังราคาซองละ 6 บาท สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพื้นฐานทั่วไป ขณะนี้กรมการค้าภายในยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคา

ทั้งนี้ เห็นใจผู้ผลิตซึ่งทราบว่าหลังจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นมากเพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต้นทุนการผลิตอาหารเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ขอความร่วมมือให้ช่วยกันตรึงราคาสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใช้เวลาตรึงราคามาหลายเดือน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการอนุญาตจะยังขอความร่วมมือตรึงราคาให้นานที่สุด

 

"เราก็เห็นใจผู้ผลิตเพราะกระทรวงพาณิชย์ก็ต้องดูแลด้วยหากผลิตไปแล้วไม่มีผลกำไรหยุดผลิตปัญหาใหม่จะตามมาไม่ใช่ของแพงแต่เป็นปัญหาไม่มีของ ของขาดตลาด ความสมดุลควรอยู่ตรงไหน"

 

สำหรับผู้บริโภคนั้น  กระทรวงฯก็เห็นใจ ทำอย่างไรถ้าต้องปรับขึ้นให้กระทบน้อยที่สุด แม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปเยอะก็ตาม คือหลักที่ให้ไว้เป็นนโยบาย ซึ่งกรมการค้าภายในจะไปเจรจากับผู้ผลิตเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ร่วมกันได้ ภายใต้วิน-วินโมเดล

ก่อนหน้านี้นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธาน เครือสหพัฒน์ ระบุว่า  สถานการณ์เศรษฐกิจ-ค่าครองชีพปัจุบันนับว่าหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อ26 ปีที่แล้วที่กระทบเศรษฐกิจอย่างหนักทำให้สินค้าขึ้นราคาจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว  ซึ่งตอนนั้นเครือสหพัฒน์เองก็ได้ปรับราคาสินค้าขึ้นกัน แต่เป็นการปรับราคาอย่างไม่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยใช้วิธีขึ้นราคาแบบค่อยๆทยอยปรับทีละขั้น 

 

ซึ่งปัจุบันนี้ก็ไม่ต่างกัน เครือสหพัฒน์ จำเป็นต้องปรับราคาขึ้นเพราะต้นทุนทางวัตถุดิบยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ในการปรับขึ้นราคาสินค้าจะพิจราณาจากต้นทุนวัตถุดิบ หากย้อนไปการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ทำให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง แต่สถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเป็นปัจจัยหลักทำให้ราคาวัตถุดิบขึ้นราคาเยอะและตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง

 

ดังนั้นเอฟเฟคที่มากที่สุดคือ บะหมี่สำเร็จรูป เพราะข้าวสาลี น้ำมันปาล์ม น้ำมันทุกอย่างขึ้นราคาหมด เพราะฉะนั้นเครือสหพัฒน์ไม่ขึ้นราคาไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเดือดร้อนน้อยที่สุดและมีระยะเวลาให้ผู้บริโภคได้เตรียมตัวเตรียมใจ

 

ส่วนจะปรับราคาขึ้นเท่าไหร่และเมื่อไหร่นั้นเนื่องจากสินค้าของเครือสหพัฒน์โดยเฉพาะบะหมี่สำเร็จรูป เป็นสินค้าควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังเจรจากับกระทรวงพาณิชย์ นอกจากบะหมี่สำเร็จรูปแล้วกลุ่มผงซักฟอกเองวัตถุดิบก็ปรับขึ้นราคาอย่างมาก