รัฐบาลขอ 2 เดือนคลอดมาตรการหนุนลงทุนแบตเตอรี่-สถานีชาร์จรถ EV

19 พ.ค. 2565 | 15:47 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2565 | 22:58 น.
693

รัฐบาลเร่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เต็มสูบ หลังคลอดมาตรการส่งเสริมการซื้อรถไปแล้ว เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม ส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ และสถานีชาร์จไฟฟ้า ภายใน 2 เดือนจากนี้หวังสร้างระบบนิเวศ EV ให้ครบ

หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยในงาน Better Thailand Open Dialogue ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม ว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ และสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่า มาตรการนี้จะออกมาได้ภายใน 2 เดือน 

 

ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างชาติของรัฐบาล ได้พยายามเฟ้นหานักลงทุนจากอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเน้นไปที่ 5 อุตสาหกรรมหลัก คือ EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว ดิจิทัล และยา 

 

“ทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้ไปหาทางดึงดูดนักลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งหมดที่กลั่นกรองเอาไว้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ โดยหากนับแค่ 3 อุตสาหกรรม คือ EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว ก็มีสัดส่วนต่อ GDP สูงถึง 50% ถ้าไม่พัฒนาอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา เราก็อาจต้องสูญเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ไปในอนาคตแน่”

หม่อมหลวงชโยทิต กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพ คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 1 ใน 10 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน แต่ผลิตแค่รถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้นการจะเปลี่ยนถ่ายไปรถยนต์ EV ให้ได้ตามแผนการส่งเสริมของรัฐบาล ก็ต้องเร่งสร้างแรงจูงใจและหาทางส่งเสริมให้ครบทั้งระบบนิเวศ 

 

โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้คุยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม EV ทั้งญี่ปุ่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับเสียงตอบรับว่า หากไทยขับเคลื่อนเรื่องนี้ก็ต้องมีความต้องการชัดเจนโดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดความต้องการใช้ในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการออกมาตรการสนับสนุนแล้ว เหลือแค่การผลิตแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จเท่านั้น

 

ล่าสุดรัฐบาลได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้รับการยืนยันจากค่ารถยนต์ขนาดใหญ่ ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน และมิตซูบิชิ ว่าในช่วงเวลา 1-2 ปีนี้จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ EV รองรับความต้องการในภูมิภาค

หม่อมหลวงชโยทิต กล่าวว่า นอกจากรถยนต์ EV แล้ว ยังเตรียมหาทางพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งสามารถต่อยอดกับ EV ได้ โดยทีมปฏิบัติการเชิงรุกกำลังหาทางดึงนักลงทุนจากประเทศที่มีอุตสาหกรรมต้นน้ำ ทั้งสหรัฐฯ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เข้ามาลงทุนในไทย ล่าสุดมีบริษัทญี่ปุ่นตอบรับการเข้ามาศึกษาการตั้งฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะต้นน้ำแล้ว 

 

ส่วนการท่องเที่ยว ตอนนี้รัฐบาลออกมาตรการมาดึงดูกนักท่องเที่ยวผ่านการให้วีซ่าระยะยาวเพื่อพำนักในประเทศไทยนานขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ใบอนุญาตทำงานด้วย ซึ่งการส่งเสริมเรื่องนี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยว ที่เป็นนักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษในบริษัทด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น คาดว่าคนกลุ่มนี้จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 1.2 ล้านล้านบาท 

 

นอกจากนี้ในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการให้บริการคลาวด์ (Cloud services) ในประเทศไทยหลายรายแล้ว