เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

03 พ.ค. 2565 | 13:12 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2565 | 19:09 น.

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่องช่วยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกและต้นทุนในประเทศ  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง คาด โต 3.5-5% เป้าทั้งปี 5%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกไทยว่า สรท. คาดการณ์การส่งออกไทยในไตรมาสที่สองของปี 2565 เติบโต 3.5 - 5% โดยยังคงคาดการณ์รวมปี 2565 ทั้งปีที่ 5% โดยการส่งออกจะเป็นไปได้ตามเป้าหมายนั้นอยู่ที่ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องหรือไม่

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

นอกจากนี้  เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่าง ยุโรป อาเซียน เอเชียใต้  ตะวันออกกลาง ยังมีความต้องการสินค้าสูง ทำให้การส่งออกของไทยขยายตัว สินค้าที่ส่งออกเติบโตยังอยู่ในกลุ่มรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ  เป็นต้น

 

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 2565 เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อการค้าโลกชะลอตัวโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่รัสเซียและยูเครนมีศักยภาพในการส่งออกไปทั่วโลกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ปุ๋ย ปรับตัวสูงขึ้นและขาดแคลน ล่าสุดรัสเซียเริ่มงดซัพพลายพลังงานให้กับโปแลนด์และบัลแกเรียแล้ว  

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

 ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีมูลค่าสูงขึ้น ในทางกลับกันส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าเกือบทุกประเภทรวมถึงต้นทุนการขนส่งที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกราคาพลังงานในตลาดโลก ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นหลายเท่าตัวทั่วโลก

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

ปัญหาหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิตขาดแคลนต่อเนื่อง ประกอบกับอาจมีแนวโน้มต้นทุนการจ้างงานที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบภาคการผลิตที่กำลังเผชิญเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, แร่ธรรมชาติ, สินค้าอุปโภคบริโภคขั้นต้นและขั้นกลาง เป็นต้น

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ สำหรับการเดินทางเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไทยที่เปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางทั้งท่องเที่ยวและทำธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น ขณะที่บางประเทศยังคงเข้มงวดในเรื่องของมาตรการตรวจสอบโควิดก่อนเข้าประเทศ อาทิ ประเทศจีน ที่ล่าสุดมีจำนวนผู้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากท่ามกลางการแพร่กระจายของโควิดโอไมครอนที่สามารถติดต่อได้ง่าย อย่างไรก็ดียังคงต้องเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามสรท.มีข้อเสนอแนะไปยังภาครัฐ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดย ขอให้ภาครัฐพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำโดยอ้างอิงจากปัจจัยการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเป็นหลัก พร้อมทั้งบริหารจัดการอัตราเงินเฟ้อไม่ให้ปรับตัวสูงเกินกว่า 5% เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่แบกรับภาระที่สูงจนเกินไป และขอให้พิจารณาปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการมีต้นทุนแรงงานที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเฉลี่ยต่อคนประมาณ 12,000 บาท ดังนั้นหากปรับขึ้นมากเกินไปอาจกระทบกับธุรกิจในระดับ SME ที่กำลังฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 และยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำได้ในช่วงเวลานี้

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

“ภาครัฐต้องพิจารณาควบคุมหรือปรับลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชนในการดำรงชีวิต เช่น ค่าเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ (Mass transportation) ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าพลังงาน (น้ำมันและก๊าซหุงต้ม) และต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน รวมถึงลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ ทั้งด้านแรงงานและเครื่องจักร แทนที่การควบคุมราคาสินค้าของผู้ประกอบการ ท่ามการการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต อาทิ ราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งหากต้นทุนของผู้ประกอบการต่ำ จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการต้นทุนในระบบและไม่จำเป็นต้องผลักภาระต้นทุนไปให้แก่ผู้บริโภค"

เอกชนหวังเงินบาทอ่อนตัวเนื่อง  มั่นใจส่งออก Q2 โตต่อเนื่อง

นอกจากนี้การรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมะสม ผ่านเครื่องมือหรือกลไกในการควบคุมไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไปรวมถึงเร่งผลักดันการค้าเข้าสู่ตลาด RCEP ให้มากที่สุด เพื่อใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงดังกล่าว