“ซีพี” ติวเข้ม 110 เอสเอ็มอี ก่อนเจรจาร่วมธุรกิจแม็คโคร-โลตัส-เซเว่นฯ

16 มี.ค. 2565 | 15:12 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มี.ค. 2565 | 22:30 น.

ซีพีเปิดเวทีปฐมนิเทศติวเข้ม 110 เอสเอ็มอี เตรียมความพร้อมก่อนดีเดย์เจรจาธุรกิจ 17-18 มี.ค.นี้ ตอบโจทย์แพลตฟอร์มแห่งโอกาส ด้านเอสเอ็มอีขานรับหวังช่วยต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

รายงานข่าวเผยว่า เมื่อ 15 มี.ค.65 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพี ประกอบ ด้วยบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศและเตรียมความพร้อมเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส “SME Online Business Matching ครั้งที่ 1/2565” ผ่านระบบออนไลน์  โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีคุณสมบัติผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 110 ราย 

 

ทั้งนี้โดยมีนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนเครือฯเป็นประธานในการปฐมนิเทศและเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  และมีผู้บริหารจาก 3 ธุรกิจค้าปลีกร่วมพบปะกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับเครือซีพีผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ก่อนที่จะเปิดเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคมที่จะถึงนี้ 

 

“ซีพี” ติวเข้ม 110 เอสเอ็มอี ก่อนเจรจาร่วมธุรกิจแม็คโคร-โลตัส-เซเว่นฯ

 

 

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจำนวนมาก เครือเจริญโภคภัณฑ์โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือฯ จึงมีนโยบาย “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ในการช่วยฟื้นฟูประเทศไทย ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพัฒนาศักยภาพ พร้อมเปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

 

โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลตลาดให้เอสเอ็มอี พัฒนาช่องทางขาย รวมไปถึงการสนับสนุนสร้างธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และมีการให้องค์ความรู้เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด รวมถึงเครือซีพีพร้อมที่จะนำพาสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยไปสู่ตลาดอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อสร้างระบบนิเวศให้กับกลุ่มผู้ประกอบการได้มีโอกาสในการแข่งขันบนเวทีโลก

 

“ซีพี” ติวเข้ม 110 เอสเอ็มอี ก่อนเจรจาร่วมธุรกิจแม็คโคร-โลตัส-เซเว่นฯ

 

ในการนี้ นายกมล พงษ์ประยูร ที่ปรึกษา บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เวทีจับคู่ธุรกิจ “SME Online Business Matching” เป็นหนึ่งในกิจกรรมนำร่องแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะได้เจรจาธุรกิจกับธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพีพร้อมกันในคราวเดียวถึง 3 ราย ได้แก่ แม็คโคร , โลตัส และ เซเว่น-อีเลฟเว่น  โดยสินค้าที่ผ่านการคัดเลือกสามารถจำหน่ายได้ทั้งช่องทาง Online และ On Shelf รวมถึงส่งออกไปต่างประเทศ

 

ด้าน นางศิริพร  เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของแม็คโครมีแนวทางการทำงานสนับสนุนเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยร่วมกันแบบ “คู่ค้าพันธมิตร” เพื่อเติบโตไปด้วยกัน ฉะนั้นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทางธุรกิจ ทางแม็คโครพร้อมสนับสนุนเสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การให้โอกาสในการเข้าถึงช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างยอดขายและทำกำไรให้ผู้ประกอบการมากขึ้น

 

รวมไปถึงการจัดเตรียมทีมงานเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจ และหากผู้ประกอบการที่มีความพร้อมจะขยายสินค้าเพื่อส่งออกทางแม็คโครพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในตลาดโลก

 

ขณะที่นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและกฎหมาย บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส)  กล่าวว่า  โลตัสมีความมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งผู้ประกอบการที่มีความพร้อมทางโลตัสจะมีทีมงานช่วยผลักดันและพัฒนาสินค้าเพื่อวางจำหน่ายในสาขากว่า 2,322 แห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงการสนับสนุนช่องทางออนไลน์เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการในระดับเริ่มต้นทางโลตัส เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เปิดบูธจำหน่ายสินค้า ทดลองตลาด สร้างการรับรู้ และขยายฐานลูกค้าผ่านพื้นที่ศูนย์การค้าของโลตัสทั่วประเทศ นอกจากนี้ทางโลตัสพร้อมสนับสนุนทีมงานให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าและ มาตรฐานการผลิตอีกด้วย

 

“ซีพี” ติวเข้ม 110 เอสเอ็มอี ก่อนเจรจาร่วมธุรกิจแม็คโคร-โลตัส-เซเว่นฯ

 

สำหรับการปฐมนิเทศครั้งนี้ถือเป็นการติวเข้มแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เข้าใจถึงขั้นตอนและวิธีการเจรจาจับคู่ธุรกิจแบบออนไลน์ รวมถึงรายละเอียดที่สำคัญต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมในการเจรจาจับคู่ธุรกิจที่จะมีขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 17-18 มีนาคมนี้ โดยมีบริษัท ซีพี ออริจิน จำกัด เป็นผู้สร้างแพลตฟอร์มในการพัฒนาเอสเอ็มอี ภายใต้โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ให้ข้อแนะนำในการที่จะนำพาเอสเอ็มอีเข้ามาร่วมเป็นธุรกิจกับเครือซีพี ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะสนับสนุนองค์ความรู้ การจัดหาวัตถุดิบที่ดี ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการให้คำแนะนำในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นตำราสำคัญที่จะทำให้เอสเอ็มอีประสบความสำเร็จ พร้อมนำพาเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดทั้งในไทยและต่างประเทศ

 

นายไพศาล กิตติฤดีกุล จาก บริษัท ไทยโคโค่ฟาร์ม จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าจะเข้าร่วมการเจรจาจับคู่ธุรกิจในโครงการนี้ คือ เปิดเผยว่า ขอบคุณทางเครือซีพีที่สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสด้วยการจัดเวทีการเจรจาธุรกิจออนไลน์ครั้งนี้ขึ้นมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ประกอบการไทยที่ได้มีโอกาสในการนำเสนอสินค้ากับ 3 กลุ่มธุรกิจค้าปลีกใหญ่ทั้ง เซเว่น อีเลฟเว่น แม็คโคร และโลตัสในครั้งเดียว

 

เวทีนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้รับองค์ความรู้นำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าให้มาตรฐาน รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้เครือซีพียังให้การสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความพร้อมขยายตลาดไปต่างประเทศอีกด้วย นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของผู้ประกอบการที่จะเพิ่มยอดขายและมีโอกาสได้ฟื้นธุรกิจที่ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างมากให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

 

ส่วนนางสาวอมรรัตน์ อมรพิมล เจ้าของผลิตภัณฑ์ AVA Mineral Water Purifying OverNight Mask มาสก์สูตรน้ำแร่บริสุทธิ์ กล่าวว่า การที่เครือซีพีได้สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เป็นช่องทางที่เป็นประโยชน์อย่างมากให้กับผู้ประกอบการไทย เพราะมีโอกาสไม่ง่ายนักที่จะได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับเครือข่ายค้าปลีกค้าส่งพร้อม ๆ กัน มองว่าการได้เข้าร่วมเวทีครั้งนี้จะสามารถนำองค์ความรู้ รวมทั้งคำแนะนำในการทำการตลาดในแต่ละแพลตฟอร์มไปพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานทางการผลิตที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ