ปตท.อัดงบ 5 ปี 9.4 แสนล.รุกนวัตกรรมพลังงาน-หนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายประเทศ

01 มี.ค. 2565 | 16:43 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2565 | 23:43 น.

ปตท.อัดงบ 5 ปี 9.4 แสนล.รุกนวัตกรรมพลังงาน-หนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างผลตอบแทนคืนสู่สังคม สานต่อโครงลมหายใจเดียวกัน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ.2565-2569 หรือ 5 ปี ปตท. จะดำเนินการด้วยงบลงทุนประมาณรวมกว่า  9.4 แสนล้านบาท

 

ตามกรอบวิสัยทัศน์  Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต ประกอบด้วย

 

Future Energy

 

โดยมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี (EV)  รุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ โดยมี บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นแกนหลัก

 

ด้วยเป้าหมาย 12 กิกะวัตต์ ในปี 2573 (ค.ศ.2030) พร้อมจัดตั้ง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) เดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Value Chain) 

โดยร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ตั้ง บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (HORIZON PLUS) บริษัทร่วมทุนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดและสร้างฐานการผลิต EV ในไทย 

 

รวมถึงจัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด (NUOVO PLUS) เพื่อเป็น หลักขับเคลื่อนการลงทุนด้านแบตเตอรี่ของกลุ่ม ปตท. โดยร่วมทุนกับ GPSC ในการสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Battery Value Chain) 

 

ผลการดำเนินงาน ปตท. ปี 64

 

นอกจากนี้ ได้จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVME PLUS) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งเสริม และสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลายในประเทศ อาทิ บริการให้เช่า EV  บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีซ่อมบำรุง EV 

อีกทั้ง ARUN PLUS ยังได้จำหน่ายและติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) ในทำเลศักยภาพ พร้อมขยายสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ ของ Swap & Go

 

ตลอดจนจัดตั้ง บริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรองรับการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน  ช่วยสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใช้งานพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นในประเทศ  
          
Beyond

 

รุกธุรกิจใหม่ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science)  โดยมี บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) ที่ผ่านมา อินโนบิก ได้ร่วมนำเข้าและบริจาคยาเรมเดซิเวียร์ 12,000 ขวด และยาฟาวิพิราเวียร์ 1.2 ล้านเม็ด ให้กับประเทศเพื่อดูแลประชาชน  

 

อย่างไรก็ดี กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจน้ำมันและเสริมสร้างธุรกิจไลฟ์สไตล์ ตลอดจนการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน (Logistics & Infrastructure) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization) 

 

ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ปตท.

 

"ปตท. ยังคงยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามภารกิจหลักเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ พร้อมกับการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ เพื่อสร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่ประเทศ  ตลอดจนนำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานเพื่อรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบใหม่  ยกระดับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อมาตรฐานชีวิตที่ดีของคนไทย สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ  พร้อมผลักดันประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำด้วยแผนการลงทุนดังกล่าว"  

 

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กลุ่ม ปตท. จะมุ่งมั่นยกขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจปัจจุบัน และมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อผลตอบแทนที่ดีกลับคืนสู่ประเทศ  ฟื้นเศรษฐกิจ  ตลอดจนให้การสนับสนุนภาครัฐช่วยลดต้นทุนทางพลังงานให้ประชาชน  

 

รวมถึงดำเนินกิจการเพื่อสังคมต่อเนื่อง  และสานต่อโครงการลมหายใจเดียวกัน  สนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยช่วงสถานการณ์โควิด-19 (Covid-19) ร่วมจัดตั้งหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก จนถึงหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลัง  ร่วมขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติ    


ขณะที่ผลประกอบการ ปตท. ประจำปี 2564  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว  รวมถึงความสามารถในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา  ส่งผลให้ในปี 2564 กลุ่ม ปตท. ส่งเงินเข้ารัฐกว่า 82,500 ล้านบาท