บอร์ดสิ่งแวดล้อม เคาะ EIA รถไฟฟ้าสายสีเทา - รันเวย์ที่ 2 อู่ตะเภา

17 ก.พ. 2565 | 12:37 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2565 | 19:48 น.
1.3 k

บอร์ดสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบ EIA โครงการใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเทา ระยะที่ 1 วัชรพล - ทองหล่อ และโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 17 ก.พ.2565 เห็นชอบการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ของ 4 โครงการสำคัญ ประกอบด้วย

 

 

  1. โครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเทา ระยะที่ 1 วัชรพล - ทองหล่อ 
  2. โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 230 กิโลวัตต์ ตาก 2 - แม่สอด 
  3. โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา - ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ 
  4. โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

 

การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

ทั้งนี้นอกจากโครงการรถไฟฟ้า และโครงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาแล้ว ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบการประชุมระหว่างประเทศ ที่จะจัดขึ้นใน มี.ค.65 ทั้งการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 5  ณ ประเทศเคนยา และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามตะ ว่าด้วยตลอดสมัยที่ 4 ณ ประเทศอินโดนีเซีย

 

รวมทั้งให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราค่าบริการในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและคาดการณ์ต้นทุนในระยะเวลา 20 ปี และ การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานที่ฝังกลบมูลฝอย อย่างถูกหลักสุขาภิบาล

 

ขณะเดียวกันที่ประชุมยังรับทราบแนวทางการบริหารจัดการขยะติดเชื้อ ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้องค์กรปกครองท้องถิ่น บริหารจัดการแบบรวมศูนย์ (Cluster) และให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในอนาคต

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ยังรับทราบรายงาน กรณีการแก้ไขน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลจังหวัดระยอง ซึ่งสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์และขจัดคราบน้ำมันจนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อ 1 ก.พ.65 และมอบหมายให้ ทส.ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสถานภาพของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลกระทบและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายจากบริษัทฯ

 

พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า ปัญหาน้ำมันรั่วไหล ที่ประชุมได้ขอขอบคุณกองทัพเรือ ที่เป็นหลักสนับสนุนการดำเนินการอย่างทันท่วงทีและต่อเนื่องที่ผ่านมา และขอให้ ทส.ประสานกับ มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงสำรวจความเสียหายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งชายฝั่งและใต้ทะเลให้ทั่วถึง 

 

โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จัดตั้งคณะทำงานติดตามการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเร่งรัดให้บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รับผิดให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นการเร่งด่วนให้ทั่วถึงโดยเร็ว

 

ขณะที่ปัญหา PM 2.5 ที่เกิดขึ้น ขอให้ ทส.ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญ เร่งลงพื้นที่ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับประชาชน รวมทั้งบังคับกฎหมายในความรับผิดชอบควบคู่กันไป มุ่งลดต้นเหตุของมลพิษที่เกิดขึ้นตามมาตรการที่กำหนด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองใหญ่ ทั้งปัญหาจากยานพาหนะ การก่อสร้าง การเผาพืชผลการเกษตร และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งขอให้พิจารณาเร่งขับเคลื่อนมาตรการการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน

 

“พล.อ.ประวิตร ได้กำชับขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำเรื่องที่พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่วมกันแล้ว เสนอ ครม. ต่อไป  พร้อมทั้งย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสร้างความเข้าใจในกระบวนการและมาตรการสิ่งแวดล้อมร่วมกันให้มากขึ้น ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยในทุกเรื่องที่มีการร้องเรียน โดยต้องให้ข้อมูลและทำความเข้าใจ  ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นเป้าหมายหลักของการดำเนินการร่วมกัน”