กฟผ.-กลุ่มมิตรผล วิจัยความรู้นวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนมุ่งเป้าโตยั่งยืน

13 ก.พ. 2565 | 13:48 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2565 | 20:48 น.

กฟผ.ผนึกกลุ่มมิตรผล วิจัยความรู้นวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนมุ่งเป้าโตยั่งยืน พร้อมร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดปัญหา PM 2.5 และลดการเผาไหม้

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับกลุ่มมิตรผล เพื่อการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้แห่งนวัตกรรม ด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด ประเภทชีวมวล และอื่น ๆ สู่การเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง 2 องค์กรมาร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดี โดยหลายแนวคิดของกลุ่มมิตรผลเป็นแนวคิดที่เป็นแบบอย่างที่ดี เช่น การใช้ Circular Economy ในองค์กร นำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุงสุด 

 

ขณะที่ กฟผ. มีความรู้และประสบการณ์ในด้านดูแลบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ได้นำองค์ความรู้ของ กฟผ. มาศึกษา วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์หม้อน้ำในโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มมิตรผล ให้สามารถรองรับการใช้ใบอ้อยเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ 

นอกจากนี้ ทั้ง กฟผ. และ กลุ่มมิตรผล ยังได้ร่วมมือกันสนับสนุนงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ระหว่าง EGATi (บริษัทในเครือ กฟผ.) และ กลุ่มมิตรผล

 

อีกทั้งยังได้ร่วมกันพัฒนาลีโอนาไดต์และยิปซั่มสังเคราะห์ซึ่งเป็นวัตถุพลอยได้ของ กฟผ.แม่เมาะ เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย 

 

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า กลุ่มมิตรผลได้ดำเนินธุรกิจบนเส้นทางอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาล และชีวพลังงาน

 

โดยมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดคุณค่าจากอ้อย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทุกกระบวนการผลิต นำไปสู่การต่อยอดธุรกิจ 
 

"กว่าจะมาถึงวันนี้ กฟผ. และ กลุ่มมิตรผล ใช้เวลาทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า การทำโรงไฟฟ้าชีวมวลโดยใช้เชื้อเพลิงชานอ้อย จนกระทั่งสามารถนำใบอ้อยซึ่งเป็นสิ่งเหลือทิ้งด้านการเกษตรที่มีจำนวนมากในแต่ละปี มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าได้ โดยได้รับความร่วมมือด้านองค์ความรู้จาก กฟผ."

 

ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรแล้วยังช่วยลดการเผาไหม้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และลดปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ได้อีกด้วย