ตื่นคุม"คราบน้ำมัน"ทะเลระยองเฝ้าลุ้นขึ้นหาดท่าเรือ"ไออาร์พีซี"

เหตุน้ำมันดิบบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน) (SPRC) รั่วจากจุดขนถ่ายลงทะเลระยอง เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ม.ค. และผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาจนควบคุมการรั่วไหลได้ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แต่การเก็บกำจัดคราบน้ำมันในทะเลยังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลและเฝ้าติดตาม โดยมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่จ.ระยองตลอดวันที่ 27 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา

 

โดยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กล่าวว่า ได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ โดยได้รับรายงานการประมาณการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลเบื้องต้นไม่เกิน 1.6 แสนลิตร หรือคิดเป็น 128 ตัน คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือ ขณะที่เรือมีความจุประมาณ 3.2 แสนตัน

อย่างไรก็ตามในภายหลังปิดวาล์วที่เกิดเหตได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมพื้นที่น้ำมันดิบรั่วไหลในรัศมีไม่เกิน 1 9 ตารางกิโลเมตร พร้อมทั้งได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Oil Spil Dispersant) โดยจุดเกิดเหตุนั้นห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ในเบื้องต้นประเมินสถานการณ์ว่า จะส่งผลกระทบไม่มากนัก โดยคาดว่าจะไม่เข้าฝั่ง และจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้   ส่วนท่อดังกล่าวพบว่ามีการบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามแผนการดำเนินงานของทางบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง 

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้อาจต้องดูแผนในการดูแลบำรุงรักษา รวมถึงอายุการใช้งานของท่อ ว่ามีอายุการใช้งานเท่าไหร่ จำเป็นต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแผนให้มีความหมาะสมหรือไม่ เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนกำหนดมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น อาจให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมคิด และวางแผนในการดูแลและบำรุงรักษาด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต 

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า หากไม่มีการควบคุม คราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งที่หาดแม่รำพึง ซึ่งสถานการณ์สามารถควบคุมได้ ประกอบเป็นน้ำมันเบาซึ่งการควบคุมจะง่ายกว่าน้ำมันหนัก แบบที่เกิดเหตุในปี พ.ศ.2556 ที่ยากต่อการจัดการ ทั้งนี้ ได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน เพื่อเร่งการสลายคราบน้ำมันตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น หากมีการพัดพาของคราบน้ำมันไปยังชายฝั่ง จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันประชาชนได้รับผลกระทบ

 

ขณะที่พลเรือตรีอาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า ในส่วนกองทัพเรือได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 นำยุทโธปกรณ์และกำลังพลไว้คอยสนับสนุน การดำเนินงานควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ ในการบินขึ้นสำรวจการกระจายตัวของคราบน้ำมันทั้งหมด จากบริเวณจุดขนถ่ายน้ำมัน (SPM) รวมถึงทิศทางของคราบน้ำมัน พร้อมทั้งสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ที่ติดตัวโปรยสารเคมี ควบคู่กับเรือขจัดคราบน้ำมัน ประชาสัมพันธ์ผ่าน ศร.ชล.ในจังหวัดตามชายหาดต่าง ๆ เตรียมกำลังพลสนับสนุนการจัดเก็บคราบน้ำมันหากขึ้นฝั่ง 
    

ส่วนนายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยระบบคุณภาพสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง  (SPRC) กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการตัดแยกระบบ และส่งนักประดาน้ำไปดูในจุดที่มีโอกาสจะรั่ว ซึ่งพบว่ามีข้อต่อตัวหนึ่งที่เป็นข้ออ่อนระหว่างจุดขนถ่ายน้ำมัน กับตัวท่อที่ต่อเข้ากับท่อใต้น้ำที่รั่ว ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินการปิดกั้นตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว 
    

โดยท่อที่รั่วดังกล่าวมีการตรวจสอบมาตรฐานวัสดุที่ใช้ในการผลิต มีการตรวจสอบและเปลี่ยนท่อตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 3 ปี ซึ่งท่อดังกล่าวนี้จะถึงเวลาเปลี่ยนในเดือนเมษายน 2565 นี้ แต่เกิดเหตุรั่วไหลเสียก่อน ทั้งนี้ บริษัทได้มีมาตรการรวมถึงระบบบริหารจัดการเพื่อป้องกันการรั่วไหล รวมถึงแผนตอบโต้ฉุกเฉินหากเกิดเหตุ โดยล่าสุดจุดที่รั่วไหลมีน้ำมันรั่วไหลสูงสุดประมาณ 50,000 ลิตร หรือแค่ 5.3 ตันในทะเล คาดว่าไม่น่าจะเกินเที่ยงวันนี้ (27 ม.ค.22565 ) จะสามารถกำจัดคราบน้ำมันได้หมด. 
    

ขณะที่เมื่อเวลา  10.00น วันที่ 27 ม.ค.2565   ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อ.บ.จ.)ระยอง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ประชุมติดตามความคืบหน้าเหตุน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว อุตสาหกรรม กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดน้ำมันรั่วยังต้องรอการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนตัวเลขที่แจ้งไม่ตรงกันในช่วงแรกเกิดการสับสน เพราะมีการประเมินในช่วงกลางคืน ที่คิดว่ามาจากข้อต่อด้านบน พอเช้าตรวจสอบไปพบว่าเกิดจากข้อต่อด้านล่าง จึงคาดว่าน่าจะมีจำนวน 160,000 ลิตร แต่เมื่อประดาน้ำลงไปสำรวจจึงพบว่ามีปริมาณเพียง 50,000ลิตร ซึ่งในขณะนี้ได้กำจัดไปแล้ว ที่เหลืออยู่จริง จำนวน 5,000 ลิตร ซึ่งจะกำจัดได้ภายในวันนี้ 
    

นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เข้ามาติดตามตรวจสอบความเสียหายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    

ดร. สาธิต ปิตุเตชะ รมช สาธารณสุข ยืนยันว่าน้ำมันรั่วในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบเหมือนน้ำมันร้่วครั้งที่แล้วเพราะครั้งที่แล้วเกิดผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งการจัดการต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนกัน คราวก่อนอุปสรรคก็มีมากกว่า แต่วันนี้เรามีความพร้อม จึงควบคุมสถานการได้ แต่สิ่งที่จะตามมาคือการติดตามผลกระทบและความเสียหาย ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามความเสียหายและการแก้ไขในทุกมิติ
    

ไล่เลี่ยกันเมื่อเวลา 10.30 น. ตัวแทนเจ้าท่าระยอง เดินทางพบพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด แจ้งความบมจ. GPSC ฐานความผิดมาตรา119ทวิ โดย ร.ต.ท.คำรณ  จีนอ่ำ  รอง สว. สอบสวน สภ.มาบตาพุด ได้รับแจ้งจาก นส.อรพิน  ท่วงที  นักวิชาการขนส่งปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานเจ้าท่าระยอง ได้รับมอบอำนาจจากนายวงศกร  นราธาวา รักษาการผู้อำนวยการเจ้าท่าระยอง แจ้งความบมจ.สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง ทำความผิดฝ่าฝืนมาตรา119ทวิ แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พุทธศักราช 2456 และแก้ไขเพิ่มเติม มีความผิดโทษไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท
  

ร.ต.ท.คำรณ  จีนอ่ำ ร้อยเวร สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า  รับแจ้งไว้แล้ว ต้องเสนอเรื่องให้ผู้ใหญ่พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกกหมายต่อไป
    

ในช่วงบ่าย ที่บริเวณชายหาดแหลมเจริญ หาดสุชาดา จ.ระยอง เจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลนครระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบคราบน้ำมันตลอดแนวชายหาด เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีคราบน้ำมันลอยมาที่ชายหาด จึงเฝ้าระวังและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ หากพบว่ามีคราบน้ำมันลอยเข้าหน้าหาดให้แจ้งทันที

ต่อมามีรายงานว่า คราบน้ำมันดิบที่รั่วกลางทะเล กำลังไหลทะลักเข้าฝั่ง บริเวณท่าเทียบเรือไออาร์พีซี ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมือง ระยอง หลายหน่วยงานเตรียมรับมือ
    

โดยเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน เร่งนำบูมมากางบนชายหาด ในเขตท่าเรือไออาร์พีซี เตรียมพร้อมสกัดกั้นไม่ให้คราบน้ำมันทะลักเข้าฝั่งที่ชายหาดแห่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะเข้าในช่วงเย็นของวันนี้ โดยเป็นคราบน้ำมันที่เล็ดลอดจากการกำจัดกลางทะเล ยังไม่ทราบปริมาณ แต่มีระยะทางที่จะเข้าฝั่งอีกไม่เกิน 10 กม.