น้ำมันรั่วมาบตาพุด! อัพเดทเหลือปริมาณในทะเล 5 พันลิตร-คาดกำจัดหมดวันนี้

27 ม.ค. 2565 | 15:57 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2565 | 22:57 น.

น้ำมันรั่วมาบตาพุด อัพเดทเหลือปริมาณในทะเล 5 พันลิตร คาดกำจัดหมดวันนี้ พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุน้ำมันรั่วไหลของ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง  โดยจากการรายงานข่าวในเบื้องต้นมีการรายงานตัวเลขของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมาว่ามีจำนวน 4 แสนลิตร ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้นในช่วงของการเกิดเหตุการณ์กลางดึกของวันที่ 25 มกราคม 2565 

 

 

ซึ่งต่อมาทางบริษัทฯ ได้มีการส่งนักประดาน้ำลงสำรวจจุดเกิดเหตุ พบว่า มีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลอยู่ที่ประมาณ 50,000 ลิตร ซึ่งจากการดำเนินการควบคุมพื้นที่และกำจัดคราบน้ำมันในช่วงคืนที่ผ่านมา (26 มกราคม 2565) สามารถกำจัดออกไปได้ 45,000 ลิตร

 

 

จึงเหลือตกค้างอยู่ประมาณ 5,000 ลิตร คาดว่าภายในวันนี้จะสามารถดำเนินการจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

“จำนวนของคราบน้ำมันที่เหลืออยู่ประมาณ 5,000 ลิตรนั้น เชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่บริเวณหาดแม่รำพึงที่มีการเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ยืนยันไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน"

 

 

 

ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม

 

 

สุริยะขึ้น ฮ. สำรวจพื้นที่กรณีน้ำมันรั่วมาบตาพุด

 

 

โดยเบื้องต้น ได้มีการหารือกับรัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวงเรียร้อยแล้ว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุของการรั่วไหลในครั้งนี้ รวมทั้งหามาตรการหรือแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก

 

 

 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่เคยเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน และส่งผลกระทบในวงกว้างนั้น จากการตรวจสอบทั้งในส่วนของปริมาณน้ำมัน กระแสคลื่นลมและทิศทางลมในวันนี้ มีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 

อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการติดตามความเสียหายในทุกมิติ ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความเสียหายในทุกมิติต่อไป

 

 

 

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ล่าสุดจากการสำรวจทางอากาศได้พบว่า คราบน้ำมันได้ลอยเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้น แต่ยังห่างจากฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร

 

 

โดยการดำเนินการหลังจากนี้ บริษัทฯจะทำการประเมินการเคลื่อนตัวและลักษณะของคราบน้ำมัน จัดเตรียมแผนในการเก็บกู้คราบน้ำมันในทะเลโดยใช้เครื่องมือขจัดคราบน้ำมัน (Skimmer : อุปกรณ์สกิมเมอร์ (Skimmer) เพื่อทำการเก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะที่เตรียมไว้บนเรือ) 

 

 

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.

 

 

 

 

รวมถึงการทดลองใช้แบคทีเรียในการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำมันตามคำแนะนำของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และจัดเตรียมอุปกรณ์และกำลังพล เพื่อเก็บกู้คราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง(ถ้ามี)เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ชายฝั่ง

 

 

 

“กนอ.ได้กำชับไปทางบริษัทฯให้เพิ่มการดูแลความปลอดภัย จัดหาอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น โดยขอให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ (27 ม.ค.)"

 

 

 

ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่า คราบน้ำมันได้ใกล้ชายฝั่งเข้ามามากขึ้น จึงได้มีการจัดทีมสำรวจพื้นที่บริเวณแนวริมชายหาดที่คาดว่าอาจจะเกิดผลกระทบ เริ่มตั้งแต่ปากอ่าวตากวนจนถึงปากน้ำ แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ร้ายแรงเท่ากับสถานการณ์ ปี 2556 และในส่วนของคราบน้ำมันเองก็มีความรุนแรงน้อยกว่า

 

 

 

นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารระบบ และความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม และอาชีวอนามัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน โดยทางเรือและเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากจากกองทัพเรือภาคที่ 1 โดยพบว่า สามารถลดปริมาณคราบน้ำมันและพยายามควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว

 

 

"บริษัทฯ ยินดีรับผิดชอบและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น"