รัฐเร่งเดินหน้า 5G พลิกโฉมประเทศ ก้าวสู่ศูนย์กลางอัจฉริยะอาเซียน

04 ธ.ค. 2564 | 08:00 น.
616

“บิ๊กป้อม” ยันรัฐบาลเดินหน้าพลิกโฉมประเทศด้วย 5G ก้าวสู่ศูนย์กลางอัจฉริยะแห่งภูมิภาคอาเซียน คาดปี 2573 สร้างมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท ดีอีเอส เร่งผลักดันพื้นที่นำร่อง เชื่อใช้ 5G ในอีอีซี ช่วยเพิ่มมูลค่าจีดีพี 5.5 เท่า กสทช.เผย 5G ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 4.89 แสนล้านบาท

งานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ สปริงนิวส์ และสื่อในเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมปาฐกถาพิเศษ 5G BIG MOVE.. ประเทศไทยสู่ DIGITAL HUB อาเซียน เพื่อก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

รัฐเร่งเดินหน้า 5G พลิกโฉมประเทศ  ก้าวสู่ศูนย์กลางอัจฉริยะอาเซียน

พลิกโฉมประเทศด้วย 5G

 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานของรัฐบาลว่า ในรอบปีที่ผ่านมา วิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้ชีวิตการทำธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถคงอยู่ได้ ท่ามกลางความท้าทายและความผันผวนของโลกที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกประเทศต้องปรับตัว ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อต่อสู้กับโลกที่ผันผวน

ไทยได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ปรับตัวรับความท้าทายของโลกได้ดี เราเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการใช้เทคโนโลยี 5G ที่กำลังกลายเป็นกลไกหลักในการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกโฉมประเทศ เสริมศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ทั้งด้านการผลิต ด้านการเงิน ด้านการสาธารณสุข และด้านการเกษตร

 

 รัฐบาลมีนโยบายนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยและรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุด้วยการเข้าถึงบริการสาธารณสุข เกษตรอัจฉริยะ ยกระดับการศึกษา คุณภาพชีวิต และการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนโดยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5G ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติได้ต่อไป

ทั้งนี้ เทคโนโลยี 5G มีความสำคัญมากต่อการการพัฒนาประเทศในโลกวิถีใหม่ รัฐบาลมีความพยายามผลักดันให้เทคโนโลยี 5G เกิดการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดกับระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม และเป็นฐานรากที่มั่นคงของเศรษฐกิจไทยในอนาคต เป็นกลไกในการพลิกโฉมประเทศ ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก สนับสนุนโอกาสให้กับธุรกิจต่างๆ สร้างโอกาสการแข่งขัน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งของไทย

 

ดังนั้น ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่า เทคโนโลยี 5G จะสร้างเม็ดเงินได้มากกว่า 6.5 แสนล้านบาท ในปี 2573 และจะช่วยเพิ่มมูลค่าจีดีพีให้กับประเทศไทย 5.5 เท่า ภายในปี 2578 แสดงให้เห็นว่า 5G มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองอัจฉริยะแห่งภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง เป็นก้าวที่สำคัญของการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

 

เร่งผลักดันพื้นที่นำร่อง

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน 5G เพราะมองเห็นโอกาสและศักยภาพ ที่เทคโนโลยี 5G จะเป็นก้าวยิ่งใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีผลการศึกษา พบว่า ในปี 2570 ความต้องการใช้งาน 5G ของผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นเห็นได้ชัด คนไทยจะใช้งาน 5G ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านราย (ประมาณ 73%) และในปี 2573 การประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G จะทำให้ตลาด 5G ในประเทศมีมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท และเกิดการจ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 130,000 ตำแหน่ง และในปี 2575 ประเทศไทยจะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้ 5G อยู่ที่ 2.3 - 5 ล้านล้านบาท รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลจะลดลงอย่างน้อย 38,000 ล้านบาทต่อปี

 

อีกทั้ง ในปี 2578 จากการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการค้าการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี 5G จะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ให้กับประเทศไทย ได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ที่เชื่อว่าการขับเคลื่อน GDP ของประเทศต้องเกิดจากเทคโนโลยี 5G และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ถ้าเราไม่ขับเคลื่อน 5G ให้พร้อมกับการแข่งขันเวทีโลก ความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้ และทำให้เกิดการเสียโอกาสไปหลายแสนล้านบาท

 

ทั้งนื้ เป็นที่น่ายินดีที่ไทยเป็นประเทศที่มีการลงทุนพัฒนาโครงข่าย 5G และขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก 5G ที่รวดเร็วมาก จนทำให้กรุงเทพมหานครติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองที่มี 5G ที่ดีที่สุดในโลก และไทยเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ในการวางโครงสร้างพื้นฐาน 5G

 

อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งผลักดันให้ไทยเป็นประเทศที่มีคลื่น 5G ที่พร้อมและดีที่สุดที่จะบริการประชาชน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งดำเนินการผลักดันการนำร่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ทั้งหมด 6 Sectors ได้แก่ ด้านการเกษตร ด้านสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรม ด้านการศึกษา ด้านคมนาคม และด้าน Smart City รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ ที่กระจายครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยการดำเนินการในระยะถัดไป และกำลังผลักดันให้เกิด 5G City ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกพื้นที่

 

“เราเชื่อว่าไทยเป็นประเทศที่ลงทุนในโครงค่าย 5G ด้วยเงินลงทุนสูงมาก มาถูกทาง สิ่งที่ตามมา กสทช.และรัฐบาลต้องมองว่าคลื่นความถี่เพียงพอไหม ต้องเปิดประมูลอีกไหม รวมถึงส่งเสริมการลงทุน 5G เพิ่มเขึ้น รวมถึงถึงการบริการที่ดี ซึ่ง กสทช. และรัฐบาลต้องติดตามการเเข่งขัน การทำธุรกิจที่จะไม่กระทบต่อราคาที่ประชาชนต้องจ่าย เมื่อเทียบกับประเทศอื่น”

 

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อน 5G สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมหารือกับนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูง บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เพื่อแสวงหาความร่วมมือเพิ่มเติม และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของไทยในอนาคต ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในระบบ 5G ของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางด้าน Data Centers

 

สร้างศก.ปีหน้า 4.89 แสนล้าน

 

นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. สายงานโทรคมนาคม กล่าวว่า กสทช. ได้วางยุทธศาสตร์พัฒนา 5G ขับเคลื่อนประเทศไทย ผ่านการพัฒนาอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่และเคลื่อนที่ ในมิติต่างๆ ความครอบคลุมของโครงข่าย การเข้าถึงบริการของประชากร ราคา และ คุณภาพความเร็ว

 

ภายในสองปีข้างหน้าการขยายโครงข่ายในพื้นที่เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจครอบคลุม 80% ของประชาชน ปัจจุบันเครือข่ายที่ให้บริการมีอยู่ประมาณ 45% เท่านั้นแต่ผู้ประกอบการบางรายอย่างเอไอเอส ได้แจ้งว่ามีครอบคลุมกว่า 70-80% และ เพิ่มความเร็วทั้ง 5G และ ไฟเบอร์ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงบริการ (Affordability) ให้มีอัตราค่าบริการต่ำว่า 2% ของ GNI และจะต้องมีคุณภาพของบริการ

 

5G ไม่ได้เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Digital infrastructure เท่านั้น แต่ยังผลักดันระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วย ดังนั้นความพร้อมขององค์กรและการปรับปรุงตัวเองของประชาชนจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่ยุค Digital ได้อย่างเต็มรูปแบบ”

 

ทั้งนี้ จากการประเมินการใช้เทคโนโลยี 5G ในปี 2564 จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐไทยมีมูลค่า 367,101 ล้านบาท คิดเป็น 2.34% ของ GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และในปี 2565 มูลค่ารวมอยู่ที่ 489,572 ล้านบาท

 

ปัจจุบันเครือข่าย 3G และ 4G ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% จากหมูบ้านที่มีอยู่ 74,987 แห่ง ส่วนที่เหลือบางพื้นที่ยังไปไม่ถึง ส่วน 5G ปัจจุบันมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมบางพื้นที่ โดย กสทช. ต้องการให้ครอบคลุมพื้นที่ ครอบคลุมทั่วประเทศและทุกครัวเรือนภายใน 7 ปีข้างหน้า รวมถึงภายในอีกสองปีข้างหน้าจะผลักดันให้มีการแชร์โครงข่ายร่วมกัน เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนจะเกิดขึ้น และให้ผู้ประกอบการเหลือการแข่งขันตลาดเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนใช้บริการได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

อย่างไรก็ตาม กสทช. เป็นผู้กำกับดูแลนโยบาย 5G แต่ยังมีคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทยแล้ว และได้เริ่มโครงการนำร่อง 5G สมาร์ทฟาร์ม ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ,เชียงใหม่ ในกรุงเทพมหานคร นำร่อง 5G Hospital,5G Station และ 5G Campus รวมไปถึง Smart City และ อุตสาหกรรม โดยในวันที่ 16 ธันวาคมนี้โรงพยาบาลศิริราช จะเปิดให้บริการ 5G Hospital จองลงทะเบียน และนัดหมาย และ การเรียกรักษา ทั้งหมดเป็นระบบเทคโนโลยีทั้งหมด