พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว” ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว

25 พ.ย. 2564 | 17:01 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ย. 2564 | 00:06 น.

พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”  ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว จำนวน 50,199 ตัน มูลค่า 535 ล้านบาท ตั้งเป้าง1.5แสนตัน หวังช่วยดึงราคาข้าวปลายฤดูขึ้นได้อีก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ทำการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MoU โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว” ปีการผลิต 2564/65 ระหว่าง ผู้เลี้ยงสุกร กับโรงสี และสหกรณ์ข้าว  ทั้งนี้โครงการพาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”

พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”  ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว

 

จะเป็นโครงการนำร่องที่เป็นรูปธรรมที่สุดที่นำข้าวกับหมูมาชนกันเพื่อเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย  โดยฝ่ายหนึ่งนำข้าวมาขายทำอาหารสัตว์ในราคาที่เป็นธรรม หรือยกระดับราคาที่ดีกว่าการขายในตลาดปกติ และสองเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรสามารถนำข้าวคุณภาพอาหารสัตว์ราคาพิเศษ มาใช้ทำอาหารสุกร เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสุกร ดังนั้นมองว่าเป็นโครงการที่ วิน-วิน ทั้ง 2 ฝ่าย

พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”  ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว

พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”  ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว

“กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยดูแลภาคการเกษตรอย่างบูรณาการ เป็นรูปธรรม มีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นได้จริง โดยมีเป้าหมาย คือ การดูแลยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ขณะเดียวกันช่วยดูแลเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปศุสัตว์ในการเลี้ยงสุกรให้สามารถลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะอาหารสัตว์ให้ลดลง”

พาณิชย์จับคู่ช่วย “หมู-ข้าว”  ลดต้นทุนหมู เพิ่มราคาข้าว

โดยมีข้าว 2 ประเภท คือ 1.ข้าวเปลือก ความชื้นไม่เกิน 15% ในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 8 บาท และข้าวสาร ประกอบด้วย ข้าวกล้องปลายข้าวคุณภาพอาหารสัตว์และข้าวหักความชื้นที่ไม่เกิน 15% ขายในราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 11 บาท ซึ่งถือว่าช่วยลดต้นทุนมากกว่าการนำพืชเกษตรตัวอื่นมาทำอาหารสัตว์  ซึ่งการทำ MoUในครั้งนี้มีปริมาณข้าวทั้งหมด 50,199 ตัน แบ่งเป็นโรงสี จำนวน 49,500 ตัน และสหกรณ์อีก 4 ราย จำนวน 699 ตัน มูลค่ารวม 535 ล้านบาท โดยเริ่มส่งตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 และตั้งเป้าว่าจะไม่ขายเฉพาะ 50,000 นี้ ซึ่งกรมการค้าภายในจะพยายามเจรจาทำให้ได้ 150,000 ตัน ซึ่งจะช่วยดึงราคาข้าวปลายฤดูขึ้นได้อีก

สำหรับผู้ซื้อข้าว 5 ราย ประกอบด้วย1.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป 2.ไทยรุ่งเรืองกิจการ จังหวัดนครปฐม3.อาร์ เอ็ม ซี ฟาร์ม จังหวัดบุรีรัมย์4.จงเจริญฟาร์ม จังหวัดนครนายก5.เกษมชัยฟาร์มกรุ๊ป จังหวัดนครปฐม  รวมจำนวนทั้งสิ้น  50,199 ตัน