โรงไฟฟ้าพลังน้ำ-ลมดันกำไรบีซีพีจีไตรมาส 3/64 พุ่งกว่า 40%

10 พ.ย. 2564 | 11:47 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2564 | 18:46 น.

โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และพลังงานลมดันกำไรบีซีพีจีไตรมาส 3/64 พุ่งกว่า 40% เผยปี 2565 มีโครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการรวมกำลังการผลิตอีกกว่า 49 เมกะวัตต์

นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 3/64 มีรายได้จากการดำเนินงานที่ 1,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/64 ที่มีรายได้รวม 1,088 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,238 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 709 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสที่ 3/2563 และจากไตรมาสที่ 2/2564 ประมาณ 10.3% และ 40.7% 
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2564 มีรายได้จากการดำเนินงานที่ 3,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 3,094 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ 1,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 278 ล้านบาท หรือเติบโต 19.5% เมื่อเทียบกับการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ 1,424 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของฤดูกาลน้ำ ส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป. ลาว ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นกว่าช่วงปกติ

บัณฑิต สะเพียรชัย
อีกทั้ง ในช่วงดังกล่าว ทั้งในประเทศไทย และฟิลิปปินส์ เริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานลมมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น จากอัตราค่าไฟที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง

สำหรับในภาพรวมของปี 2564 บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังการผลิต 7.7 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตามแผนเรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 และเต็มปีในปีหน้า (ปี 2565)
“ในปี 2565 บริษัทฯ มีโครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการรวมกำลังการผลิตอีกกว่า 49 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โคมากาเนะ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ และ 20 เมกะวัตต์ ตามลำดับ โดยจะเปิดดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรก และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็จะเปิดดำเนินการได้เต็มโครงการที่กำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปี”