“เอกชน”ขานรับเปิดประเทศ ย้ำทุกฝ่ายต้องมีวินัย ลดความเสี่ยง

12 ต.ค. 2564 | 12:22 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2564 | 19:27 น.

หอการค้าไทยชี้ เอกชน เห็นด้วย รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีย้ำทุกฝ่ายต้องมีวินัย เพื่อลดความเสี่ยง คาดมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มประมาณเดือนละ 1 แสนราย ส่งผลให้ GDP ในปีนี้โตเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0-1%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ประกอบกับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่มีความชัดเจน ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง การติดเชื้อจากต่างประเทศก็ไม่มีปริมาณมาก ดังนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางได้รู้ล่วงหน้าและมีการเตรียมตัวที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน ทั้งนี้ มาตรการที่ภาครัฐได้ทยอยผ่อนคลายตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมไปถึงโครงการ Phuket Sandbox ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมตัวมาแล้ว เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID FREE SETTING อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ การกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดย ภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อร่วมเปิดประเทศไปด้วยกัน

“เอกชน”ขานรับเปิดประเทศ  ย้ำทุกฝ่ายต้องมีวินัย ลดความเสี่ยง

“สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือการสร้างความเชื่อมั่น โดยการสื่อสารไปยังประเทศต่าง ๆ ถึงกระบวนการในการเดินทางเข้าประเทศไทยที่เป็นมาตรฐานสากล นอกจากนั้น มาตรการ COVID FREE SETTING ของภาครัฐ ได้มีการปรับให้เหมาะสมกับสถานประกอบการต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติตามได้ ทั้งเรื่องการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดระยะ ที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีวินัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน” นายสนั่น กล่าว

 

 

นอกจากนั้น หอการค้าไทยยังได้เสนอแนวทางเรื่อง Digital Health Pass เสริมการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรองรับปริมาณนักเดินทางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักเดินทาง ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว ด้วยการนำระบบ Digital เข้ามาใช้ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวกลับไปบอกต่อ และดึงดูดคนให้เข้ามาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมาไม่ใช่เฉพาะภาคท่องเที่ยว แต่จะกระจายไปยังหลาย ๆ ภาคส่วนต่อไป ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องมีมาตรฐาน มีระบบ และมีการควบคุมสถานการณ์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แยกคุมโซนตามสถานการณ์ความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัย และมีความเข้มงวด เพื่อให้ไม่เกิดการระบาดขึ้นมาอีกรอบ

 ทั้งนี้หอการค้าไทยคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเติมประมาณเดือนละ 1 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้ GDP ในปีนี้เติบโตเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0-1% ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศส่วนอื่น ๆ ที่หอการค้าฯ ได้เคยเสนอไป จะส่งผลกับการเพิ่มขึ้นของ GDP ได้มากกว่า ทั้งการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ การเติมเพิ่มเงินคนละครึ่งจาก 3,000 บาทเป็น 6,000 บาท และมาตรการช้อปดีมีคืน