อัพเดทล่าสุด รฟท.ประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 สถานี คืบหน้าถึงไหนแล้ว

13 ส.ค. 2564 | 17:03 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2564 | 00:10 น.

รฟท.เปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 สถานีในกรุงเทพฯ ย่านมักกะสัน - คลองตัน และชุมทางตลิ่งชัน ดึงเอกชนร่วมทุน ยื่นข้อเสนอภายใน 19 ส.ค.นี้ เผยตั้งบริษัทลูก หวังปั๊มรายได้ 6.3 แสนล้าน

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3 สถานีในกรุงเทพฯ ย่านมักกะสัน - คลองตัน และชุมทางตลิ่งชัน ปัจจุบัน รฟท.ได้เปิดขายซองเอกสารเสนอราคาเพื่อให้เอกชนเข้ามาเสนอราคาค่าเช่าที่ดิน เพื่อใช้ประโยชน์ตามศักยภาพของพื้นที่เป็นการชั่วคราว สำหรับที่ดินของ รฟท. 3 แปลง คือ บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน มี 2 แปลง และบริเวณย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน อีก 1 แปลง รวมพื้นที่กว่า 4.5 พันตารางเมตร

 


สำหรับการประกาศเชิญชวนเอกชนเสนอราคาเช่าที่ดินทั้ง 3 แปลงนี้ เบื้องต้นได้ขายซองครบแล้ว และจะทยอยเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอซองราคา ส่วนแรกเป็นที่ดินย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน เปิดให้เสนอราคาวันที่ 19 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้เสนอราคาแปลงสถานีมักกะสัน - คลองตัน ในวันที่ 27 ส.ค.2564 และสถานีมักกะสัน - คลองตัน 2 แปลง ในวันที่ 31 ส.ค.2564  ทั้งนี้ที่ดินของ รฟท.ที่นำมาเปิดประกวดราคาครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 1.บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน พื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 1,047.48 ตารางเมตร 2.บริเวณใต้ตอม่อทางยกระดับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ที่ระหว่างสถานีมักกะสัน – คลองตัน 2 แปลง พื้นที่ให้เช้า 2 แปลง รวมทั้งสิ้น 2,829.30 ตารางเมตร และ 3.บริเวณย่านสถานีชุมทางตลิ่งชัน พื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 636.78 ตารางเมตร
 

“รฟท. มีเป้าหมายที่จะหารายได้เชิงพาณิชย์จากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟ นอกจากแผนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แล้ว ที่ดินที่มีศักยภาพตามสถานีรถไฟต่างๆ การรถไฟฯ ก็จะนำมาพิจารณาเปิดให้เอกชนร่วมเสนอราคาเช่า ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เช่าระยะสั้น 3 ปี เป็นการเช่าชั่วคราวเพื่อรอให้บริษัทลูก บริษัทพัฒนาสินทรัพย์ของการรถไฟฯ เข้ามาบริหารภาพรวมทั้งหมด”

 


ทั้งนี้หากมีการจัดตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์ของ รฟท.แล้วเสร็จ จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง รฟท.และบริษัทลูก เพื่อโอนงานหรือโอนทรัพย์สินที่ดินของ รฟท.ที่มีอยู่ราว 3.8 หมื่นไร่ มอบให้บริษัทลูกนำไปดูแล บริหารและพัฒนาต่อ คาดว่าบริษัทลูกจะหารายได้ผลตอบแทนให้ รฟท.ภายในระยะเวลา 30 ปี กว่า 6.3 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามแผนโอนสินทรัพย์ของ รฟท.ให้บริษัทลูกบริหารนั้น จะแบ่งระยะในการถ่ายโอนงาน เนื่องจากบริษัทลูกจัดตั้งใหม่หากโอนงานไปทั้งหมดอาจหนักเกินกว่าบุคลากรที่มีอยู่ เบื้องต้น รฟท.ทำแผนถ่ายโอนงาน กำหนดเป็น ระยะที่ 1 โอนงานส่วนที่เป็นสัญญาเช่าในปัจจุบัน จำนวนกว่า 1.5 หมื่นสัญญา ระยะที่ 2 โอนงานที่ดินเปล่ายังไม่มีสัญญาเช่า โดยรายได้ของบริษัทลูก จะมาจาก 3 ส่วน คือ 1. รายได้จากค่ารับจ้างบริหารสัญญาเช่าเดิมจำนวน 1.5 หมื่นสัญญา โดยสินทรัพย์ทั้งหมดยังคงเป็นของ รฟท. 2. รายได้จากการให้เช่าช่วง ร่วมทุน หรือพัฒนาที่ดินเดิมที่หมดอายุสัญญา และ 3. รายได้จากการร่วมลงทุนกับเอกชน และการพัฒนาพื้นที่ดินเปล่าในอนาคต