จับตา 4 ส.ค. ลุ้น ประกันรายได้เกษตรกร เคาะ "ประกันราคาข้าว" 6 ชนิด

02 ส.ค. 2564 | 16:28 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ส.ค. 2564 | 23:31 น.
2.5 k

“จุรินทร์” นัดถกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย 4 ส.ค.นี้ เคาะประกันราคาข้าว เฟส3  “ปราโมทย์” ชงเสนอข้าว 6 ชนิด มีน้องใหม่ร่วมวง เป็นข้าวพื้นนุ่ม แนะค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ1,000 จ่ายครั้งเดียว -ปุ๋ย สารเคมี ดึงโครงการคนละครึ่งจ่าย ลุ้น ระทึก ผลการประชุม จะเป็นไปตามที่ขอหรือไม่

ปราโมทย์ เจริญศิลป์

 

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายก สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ คุณจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมีการหารือเกี่ยวราคาข้าว ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้ง ประกันราคาข้าว  ด้วย ซึ่งทางสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จะมีประเด็นในการเสนอ 7 เรื่องด้วยกัน

 

1.เรื่อง การกำหนดราคา ชนิดข้าว และจำนวนไร่ โครงการประกันรายได้ และค่าบริหารจัดการ ค่าเก็บเกี่ยว จึงขอเสนอ โครงการประกันรายได้ ปี2564/65 ดังนี้

 

ชง 6 ชนิดข้าว เข้าร่วมประกันรายได้ปี 3 หรือ เฟส 3

 

 

ปีนี้จะเพิ่มข้าวพื้นนุ่ม ได้แก่ กข79,กข43,กข87 ราคาประกัน 10,500 บาท/ตัน จำนวน 30 ไร่ ส่วน โครงการสินเชื่อชะลอการขาย หรือ "จำนำยุ้งฉาง" ให้ตามหลักการเดิม โดยมีค่าเก็บฝากตันละ1,500 บาท ระยะเวลาหนึ่งเดือน พร้อมชดเชยค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ1,000 จ่ายครั้งเดียว

 

2. เรื่องการดูแลพื้นที่เพาะปลูกพิเศษ (**พื้นที่เพาะปลูกพิเศษที่หมายถึง พื้นที่ที่มีการเพาะปลูกชนิดข้าวที่มีความสำคัญในตลาด เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวพื้นนุ่มเพื่อบริโภคภายในประเทศ และส่งออก**) ที่มีการรวมกลุ่มแบบเข้มแข็ง โดยภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วม หรือส่งเสริมสนับสนุน ร่วมกับองค์กรชาวนา ในการเชื่อมโยงธุรกิจที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการผลิต เพื่อเพิ่มวิธีการลดต้นทุน

 

เช่น 1.กลุ่มธุรกิจเตรียมดิน ,2.กลุ่มธุรกิจการบำรุงผลผลิต, 3. กลุ่มธุรกิจการเก็บเกี่ยวผลผลิต, 4. กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการฟางข้าวและตอซัง เป็นต้นเพื่อเป็นต้นแบบ หรือนำร่องโดยใช้กลุ่มองค์กรชาวนาเข้ามาดำเนินการร่วมกับภาครัฐทั้ง กระทรวงเกษตร และกระทราวงพาณิชย์

 

3.เรื่องการลดต้นทุน ในเรื่องวัสดุการเกษตร ราคาค่าปุ๋ย ค่ายา และอื่นๆที่ เกี่ยวข้องกับพื้นฐานการเพาะปลูก ให้ชาวนาเข้าถึงได้ในราคาพิเศษ ถูกกว่าท้องตลาด หรือควรมีโครงการคนละครึ่ง

 

4. ในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือ เช่นรถดำนา รถหยดข้าว ให้ชาวนาที่ซื้อผ่อนส่งระยะยาวโดยฟรีดอกเบี้ย และต้องมีคุณภาพดีราคาย่อมเยา  หรือควรมีโครงการคนละครึ่งสำหรับช่วยชาวนาในการซื้อเครื่องจักรการเกษตร เป็นต้น

 

5.ปีนี้ คาดว่าผลผลิตดี โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน ในเรื่องข้าวหอมมะลิที่ราคาตกต่ำ รวมถึงข้าวชนิดอื่นๆที่เพาะปลูกในฤดูกาล ปี2564/65 ควรเร่งหาตลาดรองรับ และแก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหากับผลผลิตที่กำลังจะออกสู่ตลาด หรือภาครัฐอาจจะต้องหาทางช่วยชดเชยค่าขนส่งให้ผู้ส่งออกข้าว บ้างบางส่วนที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ

 

6.เรื่อง เมล็ดพันธ์ุข้าว ที่ตอบโจทย์ ผลผลิตสูง(1,200กิโลต่อไร ขึ้นไป)อายุ110-120วัน ต้นเตี้ยตอบโจทย์ตลาด โดยภาครัฐควรที่สนับสนุน จัดหาให้ชาวนาฟรี หรือในราคาพิเศษ

 

7.ขอให้ภาครัฐ เร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่การค้าข้าวตั้งแต่ชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก และผู้ค้าข้าวภายในประเทศ ตลอดจนพนักงานขับรถขนส่งและผู้ขนถ่ายสินค้า และในส่วนประเด็นรายละเอียดอื่นๆถ้ามี ขอนำเสนอในที่ประชุม วันที่ 4 สิงหาคม นี้ อย่างไรก็ตามขอให้ชาวนาทั้งประเทศรอฟังข่าวดี

 

อย่างไรก็ดี เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หากมติ ครม. เห็นชอบแล้ว เดินหน้าประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวระยะ3 หรือ ปี3 ก็สามารถตรวจสอบสถานะการจ่ายเงินรายได้ข้าวด้วยตัวเอง ดังนี้คลิกเข้าไปที่ลิงก์ https://chongkho.inbaac.com/  หรือ คลิกที่นี่

 

เมื่อกดเข้าไปยังหน้าแรกของเว็บไซต์ดังกล่าว จะมีช่องให้กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก

 

เมื่อใส่ครบกดค้นหา

 

คลิกตรวจสอบสถานะการโอนเงิน

หากเงินเข้าระบบแล้วจะมีการแจ้งว่าโอนเรียบร้อยแล้ว แต่หากยังไม่เข้าให้รอข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่ง ธ.ก.ส.จะทำการโอนให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วันทำการ