*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,063 ระหว่างวันที่ 19-22 ม.ค. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** สถานการณ์ “เศรษฐกิจโลก” จะพาลกระทบต่อสถานการณ์ “เศรษฐกิจไทย” หรือไม่ อย่างไร ต้องจับตาไปที่ท่าทีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง “ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” ในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค. 2568 นี้ ซึ่งก่อนหน้าที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง ก็ได้จัดวางคนให้ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรี” เพื่อเป็นทีมบริหารประเทศ ไว้บ้างแล้ว อาทิ
รมว.กลาโหม ได้แก่ พีท เฮกเซธ อดีตทหารผ่านศึก และมีบทบาทในฐานะพิธีกรร่วมในรายการ Fox & Friends Weekend, รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คือ คริสตี้ โนเอม ผู้ว่าการรัฐเซาท์ดาโกตา โนเอมเป็นผู้ภักดีต่อทรัมป์มาช้านาน ผู้ได้รับเลือกจะเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการตามแผนอพยพที่เข้มงวดของทรัมป์, รมว.ต่างประเทศ คือ วุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกันแห่งรัฐฟลอริดา
รมว.พาณิชย์ คือ โฮเวิร์ด ลุตนิก ซึ่งจะมีบทบาทในการดำเนินการตามแผนของทรัมป์ในการขึ้นภาษีที่สูงขึ้น และเขาได้แสดงการสนับสนุนอย่างกว้างขวางต่อข้อเสนอนี้, รมว.คลัง ทรัปด์เล็ง สก็อตต์ เบสเซนท์ ผู้บริหารกองทุนป้องกันความเสี่ยง ซึ่งเป็นกองทุนที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารน้อยกว่า 600 ล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นปีที่แล้ว และเคยทำงานให้กับ จอร์จ โซรอส ผู้บริจาคเงินรายใหญ่ของพรรคเดโมแครตมาหลายปีก่อนหน้านั้น โดยเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนภาษีศุลกากร ซึ่งภาษีศุลกากรเป็นศูนย์กลางของนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ และเรียกภาษีนำเข้าว่าเป็น เครื่องมือในการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าของเรา
รมว.คมนาคม ทรัมป์ เสนอชื่ออดีต ส.ส. ฌอน ดัฟฟี่ จากพรรครีพับลิกัน รัฐวิสคอนซิน, รมว.เกษตร ทรัมป์ เลือก บรู๊ค โรลลินส์ เขาเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานโยบายในช่วงรัฐบาลชุดแรกของทรัมป์ และดำรงตำแหน่งประธานสถาบันนโยบายอเมริกาเฟิร์ส ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยที่ก่อตั้งโดยอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ที่สนับสนุนการถือครองที่ดินเกษตรกรรมของสหรัฐ,
รมว.แรงงาน คือ ส.ส. ลอรี ชาเวซ-เดอเรเมอร์ จากพรรครีพับลิกัน รัฐโอเรกอน, รมว.มหาดไทย คือ ดัก เบอร์กัม วัย 68 ปี อดีตผู้บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ผู้มั่งคั่ง, รมว.พลังงาน คือ คริส ไรท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจบริการด้านแหล่งน้ำมัน Liberty Energy สำหรับตำแหน่ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ตกเป็นของ แทม มี่ บรูซ โดยทำงานภายใต้การนำของ มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน แห่งรัฐฟลอริดา
*** ภายหลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่ 2 แล้ว สิ่งที่ ทรัมป์ จะเริ่มดำเนินการทันที คือ ประกาศแผนจัดตั้ง "หน่วยงานจัดเก็บรายได้ภายนอก" (External Revenue Service) เพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรและรายได้จากต่างประเทศโดยเฉพาะ โดย ทรัมป์ได้ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย Truth Social ว่า "เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่สหรัฐ ต้องพึ่งพาการเก็บภาษีจากประชาชนผ่านหน่วยงานจัดเก็บรายได้ภายใน (IRS) ขณะที่ข้อตกลงการค้าที่อ่อนแอทำให้เศรษฐกิจอเมริกัน ต้องแบกรับการเติบโตของประเทศอื่น ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง"
แผนการนี้สอดคล้องกับนโยบายกีดกันทางการค้า ที่ ทรัมป์ เคยประกาศไว้ก่อนหน้า โดยก่อนหน้านี้ CNN รายงานว่า เขาเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีน 10% และเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าจากแคนาดา และเม็กซิโก 25% ...การประกาศครั้งนี้สะท้อนให้เห็นทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐ และการเก็บภาษีจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคต
*** ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ออกมาแสดงความเห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่า อาจจะโตช้ากว่าเดิม และเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2568 จะอ่อนแรงลง เนื่องจากหลังโควิด เศรษฐกิจไทฟื้นตัวแบบกระท่อนกระแท่น และในปี 2568 มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในลักษณะเดียวกัน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอาจไม่ได้ลงเร็ว จากปัจจัยหลัก คือ นโยบายของ โดนัล ทรัมป์ ซึ่งทุกนโยบายเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อทั้งสิ้น ต้องจับตาการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของสหรัฐ กำลังจะเกิดขึ้น หลัง 20 ม.ค.นี้ ที่ โดนัล ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
*** ขณะที่ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 2.4-2.9% ขณะที่การส่งออก คาดว่าจะขยายตัว 1.5-2.5% ต่อเนื่องจากปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 0.8-1.2% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนจับตาในปีนี้ คือ การเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนใหม่ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางการค้า และนโนบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ที่อาจจะมีผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งกรณีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกอาจได้เห็นหลายประเทศ เร่งนำเข้าสินค้า ก่อนที่จะถูกปรับขึ้นภาษี จึงอาจทำให้ภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก ยังมีทิศทางที่ดี ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง ภาคเอกชนยังมีความกังวล ขณะที่ เม็ดเงินที่รัฐบาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจลดลง และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของรัฐ
*** ปิดท้ายกันที่.... ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดงาน ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025 ตรุษจีนมั่งคั่ง ฉลองสัมพันธ์มั่นคง วาระ 50 ปีสายสัมพันธ์ไทย-จีน โดยไอคอนสยามเตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และการเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง พบกับ 2 คู่จิ้นสุดฮอต ซี-นุนิว และ หลิง-ออม ที่จะมาโชว์พิเศษต้อนรับเทศกาลตรุษจีน และกิจกรรมไฮไลท์อีกมากมาย โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ม.ค. ถึง 2 ก.พ. 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม...