ท่านเจ้าภาพผู้จัดงาน “วันขอบคุณสังคม” เมื่อ วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. 2567 คือ สภท. สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย โดย นายก สภท.ท่านอนันต์ นิลมานนท์ เป็น หัวเรือใหญ่ เขาเชิญให้ผมเล่าความเป็นมาของ “วันขอบคุณสังคม” เราสรุปความเห็นกันว่า สวน ไร่ นา น้ำ ถ้าน้ำมันแล้ง ต้นจะแห้งเฉาตาย ฉันใด ถ้ามนุษย์ไม่เปิด “ก๊อกน้ำใจ” ปล่อยให้ผู้คนเหือดแห้ง สังคมจะสิ้นแรงห่างหาย ไมตรีจิตมิตรภาพทั้งหลายของสังคมไทยก็จะอับเฉาในเร็ววัน ฉันนั้น
อย่าลืมคำว่า “ขอบคุณ” รากเหง้าของคำภาษาละติน คือ Tongēre อ่านว่า “ต้อน-เจเหร่” แปลกันง่ายๆ จะได้ความว่า “ฉันจะจดจำสิ่งที่คุณทำให้ฉัน”
ยาย เซ็งหลาน ที่ไม่เคยขอบคุณ จึงเล่าให้คนสนิทฟังว่า “ฉันส่งเงินสดให้หลานทุกปีใหม่ มันไม่เคยโทรมาสวัสดี ไม่เขียนจดหมายส่งมาขอบคุณสักคำ ปีนี้เป็นปีแรกที่มันเผ่นมาขอบคุณด้วยตัวเอง” คู่หูยายฉงนใจว่า “อะไรดลใจให้หลานเปลี่ยนแปลง?” ยาย ยิ้มด้วยความพึงพอใจว่า “จะอะไรล่ะ ปีนี้ฉันไม่ได้ให้เป็นเงินสด ฉันเขียนเช็คส่งไปให้ แต่ไม่ได้ประทับตรา และ ยังไม่ได้เซ็นชื่อให้สักใบ” (ฮา)
ข่าวพิลึกใน วิกตอเรีย เอามาขยายว่า โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเพิ่งจะประสบปัญหาใหม่ เด็กผู้หญิงหลายคนเธอใช้ลิปสติกเพื่อซ้อมไว้ชิงมงกุฏ ฝึกแต่งปากกันในห้องน้ำ หลังจากทาลิปสติกแล้ว เธอก็จะยื่นหน้ากดริมฝีปากของตัวเองสร้าง “ศิลเป็ก” (เXก) ไว้ที่กระจก ฝากรอยลิปสติกเล็กๆ จุ๊บไว้ทุกคืน พนักงานซ่อมบำรุงสะอื้นเพราะเฝ้าลบรอยลิปสติกโชว์โดยไม่มี O.T. (ฮา)
ในที่สุด ผอ. ตัดสินใจ กดจุดไคลแม็กซ์ โทษฐาน ไร้วัฒนธรรม เธอเชิญเด็กผู้หญิงทั้งหมดไปที่ห้องน้ำ นัดพบพร้อมกับคนดูแลระบบ เปิดฉากกระตุ้น สามัญสำนึกว่า "รอยริมฝีปากเหล่านี้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับภารโรง ที่ต้องทำความสะอาดกระจกเกินเวลาทุกคืน"
บัดนั้น ผอ. ก็แสดงฤทธิ์ให้เห็นใน บัดดล ว่า การทำความสะอาดกระจกนั้นมันยากสักเพียงใด จึงสั่งการขอให้ พนักงานซ่อมบำรุงทำความสะอาดกระจกหยิบไม้ปาดน้ำด้ามยาว ออกมาจุ่มลงไปในโถส้วม แล้วก็ใช้ไม้ปาดน้ำด้ามยาวนั้นเคลียร์กระจก นับแต่บัดนั้น ไม่มีรอยริมฝีปากมาทับซ้อนบนกระจกอาถรรพ์นี้อีกเลย (ฮา)
กูรูผู้หนึ่งเขารู้สึกสงสัยว่า เหตุใด “วัฒนธรรมจึงเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์!” ไม่ใช่ “สมบัติล้ำค่า!” ถ้าผมจะปักธงบ่งชี้ว่า “วัฒนธรรม” คือ “ขุมทรัพย์!” เขาคงจะรำพึงว่า ไอ้หมอนี่มันกำลัง “ฝันสีขาว?”
ผมกราบเท้าซูฮก คติพจน์ ที่ปรากฏอยู่ใน เว็ปไซต์ ONE TON ความว่า “เราคือเมล็ดพันธุ์ เหยียบให้จมดิน แล้วเราจะงอกขึ้นมาใหม่” หมายถึง “วัฒนธรรม คือ เมล็ดพันธุ์ ผิว่า ลำต้น กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ผล จะโดนตัดรอน เราก็จะงอกขึ้นมาใหม่” มันเป็นเช่นนั้นได้ เพราะมันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เราจะไปวิตกหวาดหวั่นทำไมว่าไฉน “วัฒนธรรม” เป็นเพียง “เมล็ดพันธุ์!” ในเมื่อ “ขุมทรัพย์” เกิดจาก “ทารกวัฒนธรรม?” ที่ได้รับการเลี้ยงดูและสนับสนุนจากสังคมจนกลายเป็น “บิ๊กวัฒนธรรม!”
ผมกลายเป็นไอ้ย่องตอดแอบไสอดรู้สอดเห็น โครงการอาสาวิจัยองค์ความรู้การเก็บรักษาเมล้ดพันธุ์พืช ของ อาข่า เขามีภูมิปัญญาขั้นมหาปราชญ์ “สูตรปฏิรูปเกษตรชุดนี้” เป็น “ฝันเขิงประจักษ์” ของ “อาข่า”
จาก 1 เมล็ดพันธุ์ ขอให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มพูน
จาก เมล็ดพันธุ์ 1 ลิตร ขอให้ได้ผลผลิต 1 ถัง
จาก เมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ด ขอให้ได้ผลผลิต 1 เท่าตัว
จาก ก้าน 1 ก้าน ขอให้แผ่ก้านออกไปเป็น 10 ก้าน
จาก ผล 1 ผล ขอให้ได้ผลเพิ่มพูนเป็น 10 ผล
ปลูก 1 หลุม ให้ได้ผลผลิต 12 หลุม ปลูก 1 หลุม ให้ได้ 12 ลูก ใน 1 ลูก ให้มี 12 ซีก และ ใน 1 ซีก ให้มี 12 คำ
อยากจะรู้วิชา ควรจะมีลีลา ประคบ ประหงม ประณม ประณีต และ ประณต ไลฟ์สไตล์สายเกษตรของเธอ ฟอร์มออกมาชัดเจนว่า เป็นสายขยัน ถ้าได้เธอเป็นคู่ชีวิตต้องไม่ยึกยัก ไม่งั้น“คู่” จะพลิกเป็น “ขู่” (ฮา)
จินตนาการตามผมสักเล็กน้อย ท่านผู้มีอายุยืนสมัยก่อนเขาเอาสายพันธุ์ สมุนไพร ผัก ผลไม้ ใส่ในไห เอาไปฝังดิน เพื่อรอ วัน เวลาอันเหมาะสม เมื่อโอกาสเปิด ก็เอามาเพาะปลูกขยายผลไปหลายไร่ โลกนี้จะมีใครสักกี่คน ที่จู่ๆ ก็ใหญ่ฉับพลันแล้วพลิกชีวิตกลายเป็นขุมทรัพย์
นิตยสารฟอร์บส์ เสนอข่าวมานานว่า ธนาคารเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ผักผลไม้ เขาอบเย็นอยู่ในโซนขั้วโลก สถานที่จัดเก็บเมล็ดพันธุ์ใหญ่ที่สุดในโลก รับเมล็ดพันธุ์ใหม่มากกว่า 31,000 ตัวอย่าง จาก 23 ประเทศ
เมล็ดพันธุ์พืชผลในแต่ละประเทศมี เอกลักษณ์ลึกซึ้งเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมและระบบนิเวศแต่ละท้องถิ่น เป็น ขุมทรัพย์ ของสะสมที่ทั่วโลกสนใจ ไปในแง่มุมตรงกัน คือ มุ่งหวังที่จะให้คนทุกรุ่นได้มีอาหารเพียงพอในยามวิกฤติ
ที่น่าตะลึง คือ ห้องนิรภัยเมล็ดพันธุ์อาร์กติก (Arctic Seed Vault) รวยรู้เรื่องว่าได้รับเงินฝากจำนวนมหาศาล
เพื่อนผมเธอบอกว่า “สามีฉันเขามีสายเลือดวัฒนธรรม เขาคือขุมทรัพย์ตัวจริง วันก่อนเขานั่งวาดภาพ ฉันเผลอหลับแป๊บหนึ่ง เขารีบล้วงกล่องเงินออกมาจากเพดาน เขาเปิดดูเพลิน ฉันลุกขึ้นเดินมาล้วงทัน” (ฮา)
ก่อนจะถึงเวลาส่งท้ายปีเก่า เราควรจะ ขอบคุณ วัฒนธรรม สักนิด ในฐานะที่เป็น ขุมทรัพย์ รับเงินเข้าประเทศเอาไว้พอสมควร อย่างน้อยที่สุด วัฒนธรรมก็ไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์ที่ดูดเงินกันเอง