“บิ๊กบลูเอเจนซี่ ลาว”เดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดม 200 ล้านต่อยอดธุรกิจ

08 ม.ค. 2565 | 12:27 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2565 | 19:52 น.
1.5 k

ขยับอีกก้าวสำหรับธุรกิจคนไทยที่ออกไปเติบโตในสปป.ลาวอย่างบริษัท บิ๊กบลู เอเจนซี่ ลาว จำกัด ดำเนินธุรกิจมีเดีย เอเยนซี่และสื่อโฆษณา โดยเฉพาะสื่อป้ายโฆษณานอกบ้าน หรือสื่อโฆษณากลางแจ้ง

 

“บิ๊กบลูเอเจนซี่ ลาว”เดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดม 200 ล้านต่อยอดธุรกิจ

 

ทั้งนี้ปี 2565 ต้องจับตาติดตามความเคลื่อนไหวของภาคธุรกิจไทยรายนี้ไปพร้อมกับที่สปป.ลาว เปิดรับนักท่องเที่ยวบางประเทศเข้าไปเที่ยวในสปป.ลาวได้ในกรีนโซน ตั้งแต่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา

 

 เอสเอ็มอีสายพันธุ์ไทยรายนี้จะเดินแผนธุรกิจอย่างไร ฟังจากปาก  นางสาวณฐอร มหิทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กบลู เอเจนซี่ ลาว จำกัด โดยเฉพาะการทำธุรกิจในสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีอยู่ต่อไป

 

ณฐอร  มหิทธิกุล

 

  • เดินแผนแต่งตัวเข้าตลาดฯในลาว

กรรมการผู้จัดการ บิ๊กบลู เอเจนซี่ ลาว กล่าวว่า แม้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีอยู่ต่อไป  แต่ธุรกิจไม่สามารถหยุดได้ ต้องรับมือและอยู่กับโรคร้ายนี้ให้ได้อย่างระมัดระวัง ยอมรับว่าตลอด 2 ปีที่เผชิญกับการแพร่ระบาดทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบทั้งแผนการตลาดและยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า สัดส่วนที่เคยได้รับหายไปมากถึง 50%

 

 

 

“บิ๊กบลูเอเจนซี่ ลาว”เดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดม 200 ล้านต่อยอดธุรกิจ

 

อย่างไรก็ดี็ดี สำนักนายกรัฐมนตรีสปป.ลาวออกประกาศแผนของรัฐบาลในการเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งสำหรับบางประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 น่าจะเป็นโอกาสดีในการประกาศแผนเตรียมความพร้อมแต่งตัวเพื่อนำบริษัท บิ๊กบลู เอเจนซี่ ลาว จำกัด เข้าตลาดหลักทรัพย์ในสปป.ลาวให้ได้ภายในปี 2565  หรือไม่เกินต้นปี2566 โดยมีบริษัท APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน  เป้าหมายของบริษัท ต้องการระดมทุนเข้ามาขยายกิจการในสปป.ลาวเพิ่มขึ้น  เนื่องจากมีโอกาสค่อนข้างสูงที่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการมากขึ้น  หากระดมทุนเข้าตลาดได้ราว 200 ล้านบาทขึ้นไปก็จะช่วยต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น

 

“นับจากนี้ถือเป็นโอกาสดี เพราะมีรถไฟลาว-จีน ในส่วนนี้จะเป็นแรงเสริมที่จะปลุกให้เศรษฐกิจในสปป.ลาวเติบโต รวมถึงไทยจะได้อานิสงส์ด้วยในระยะต่อไป เมื่อเศรษฐกิจคึกคักขึ้นก็เชื่อมโยงกับธุรกิจสื่อโฆษณาคนจะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เกิดการขยายตัวของสินค้าประเภทต่าง ๆ  รวมถึงการเติบโตในภาคการลงทุน  เหล่านี้นักธุรกิจต้องการการโปรโมตสินค้า มีการทำพีอาร์ มีการวางแผนด้านสื่อโฆษณา  คนเริ่มใช้เงิน สร้างแบรนด์ สร้างยอดขาย   เช่นเดียวกับด้านการลงทุนที่จะเกิดพื้นที่เช่า ในรูปที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์มากขึ้น เหล่านี้คือฐานลูกค้าของบริษัทฯทั้งหมด”

 

 

“บิ๊กบลูเอเจนซี่ ลาว”เดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดม 200 ล้านต่อยอดธุรกิจ

 

  • รุก 3 ด้านเร่งสปีดเต็มที่

นางสาวณฐอร กล่าวว่า ภายในปี 2565 จะฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว  เริ่มจาก  1.บริหารฐานลูกค้ารายเก่าและเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่เข้ามา จากฐานลูกค้ากว่า 60 รายและรายได้ต่อปีราว 100 ล้านบาท ซึ่งจากยอดขายที่หายไป 50% ก็จะดึงฐานลูกค้ากลุ่มเก่ากลับมา ควบคู่ไปกับการเปิดรับลูกค้ารายใหม่ ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณบวกเข้ามาเป็นระยะ โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่จากธนาคาร ICBC ของจีน ลงป้ายโฆษณากลางแจ้งขนาดใหญ่ตรงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว(หนองคาย) ลูกค้าบางรายที่เคยหายไปก็เริ่มทยอยกลับมา

 

“ตอนนี้ฐานลูกค้ารายใหญ่ที่ยังเหนียวแน่น เช่น กลุ่ม SCG  ซีพีออลล์  เบียร์ลาว ฟอร์ด ซัมซุง กลุ่มปตท. และอายิโนะโมะโต๊ะ  เดิมเรามีฐานลูกค้า 70% เป็นคนไทยที่ลงทุนในลาว และ 30% เป็นลูกค้าลาว  พอเผชิญกับพิษโควิดเราก็ได้ฐานลูกค้าลาวมากถึงสัดส่วน 60% และลูกค้าไทยลดลงเหลือ 40%   ตอนนี้หลังพบสัญญาณบวกสัดส่วนฐานลูกค้าเปลี่ยนไปอีก เป็นลูกค้าคนไทยขยับมาที่ 50% ลาว 40% และอื่น ๆ 10% ถือว่าโดยรวมกำลังเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น”

 

“บิ๊กบลูเอเจนซี่ ลาว”เดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ระดม 200 ล้านต่อยอดธุรกิจ

 

 2.แตกไลน์ธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับสื่อแต่เน้นด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับประชาชนลาวเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สนใจเรื่องรีไซเคิลมากขึ้น จึงซื้อแฟรนไชส์ วงษ์พาณิชย์  ของดร.สมไทย วงษ์เจริญ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารกลุ่มวงษ์พาณิชย์ กรุ๊ป ดำเนินธุรกิจใหม่ในนามบริษัท วงษ์พาณิชย์  (ลาว) จำกัด และโดยตัวบริษัทก็สามารถขายแฟรนไชส์ต่อได้อีก เพื่อทำการส่งออกขยะรีไซเคิลส่งกลับไปยังสำนักงานใหญ่วงษ์พาณิชย์ในประเทศไทยในรูปกระดาษหรือพลาสติกอัดก้อนขนาดประมาณ 960 ตันต่อปีในระยะเริ่มต้น  3.แตกไลน์ธุรกิจแอพพลิเคชั่นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งหมดนี้จะเป็นการแตกไลน์ธุรกิจที่เข้ามาเสริมทัพความพร้อมในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในลาวต่อไป

 

กรรมการผู้จัดการ บิ๊กบลู เอเจนซี่ ลาว กล่าวอีกว่า สภาพแวดล้อมการทำธุรกิจในสปป.ลาวกำลังเอื้ออำนวย  จากที่มีพลเมือง 7 ล้านคน ยังไม่รวมประชากรแฝงอีกจำนวนมาก  อีกทั้งปี 2564 จีดีพีลาวเติบโตที่ 4% และปี 2565 ธนาคารโลกประมาณการณ์จีดีพีลาวจะเติบโต 4.6%  และน่าจับตาแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยรัฐบาลลาวอนุมัติจัดแบ่งพื้นที่สีเขียวเพื่อการท่องเที่ยวลาวอย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้มั่นใจว่าจะเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่พร้อมเต็มที่ที่จะผลักดันให้บริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาวได้ตามเวลาที่กำหนด

 

หน้า  9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3747 วันที่ 9-12 มกราคม 2565