นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมการใช้นํ้ามันเชื้อเพลิง เฉลี่ยในช่วง 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน) 2567 อยู่ที่ 155.22 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สอดคล้องกับประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยของปี 2567 ที่ขยายตัว 2.6-2.7% จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยยอดจำหน่ายนํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว ของสถานีบริการเพิ่มขึ้น 2.4% นํ้ามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 18.4% การใช้ LPG เพิ่มขึ้น 3.4% และกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นเล็ก 0.02 % ขณะที่การใช้นํ้ามันเตาลดลง 7.2% และ NGV ลดลง 16.7%
สำหรับการใช้นํ้ามันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.55 ล้านลิตรต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.02 % จากการใช้นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.98 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.40 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่แก๊สโซฮอล์ อี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.42 ล้านลิตรต่อวัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.41 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.07 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้ ในภาพรวมแม้ว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะขยายตัว แต่การใช้นํ้ามันกลุ่มเบนซินได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (BEV HEV และ PHEV) คิดเป็น 5.39 % ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีการขยายตัวของผู้โดยสาร 12.143 %
ขณะที่การใช้นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการ เฉลี่ยอยู่ที่ 66.66 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.4 % ประกอบด้วย ดีเซลหมุนเร็วธรรมดา เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 66.51 ล้านลิตรต่อวัน ขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ การขยายตัวของภาคการส่งออกสินค้า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว จากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการท่องเที่ยว และการจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง และในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม -30 พฤศจิกายน 2567
รวมทั้งในภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรยังขยายตัวได้ดีในหมวดพืชผลสำคัญ ส่วนดีเซลหมุนเร็วบี 20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.15 ล้านลิตรต่อวัน และดีเซลพื้นฐาน ลดลงมาอยู่ที่ 1.96 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากในปีก่อนมีการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า ส่งผลให้ภาพรวมปริมาณการใช้นํ้ามันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 68.62 ล้านลิตรต่อวัน
นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ส่วนการใช้นํ้ามันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 15.73 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 18.4 % มีปัจจัยมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 31.9 ล้านคน คิดเป็น 28.2 % ประกอบกับมาตรการในช่วงปลายปี 2567 กระตุ้นการท่องเที่ยวไทย สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนคนไทยขยายตัว 8.594 % รวมไปถึงการขยายตัวของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศอีกด้วย
อีกทั้ง การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.40 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.4 % ประกอบด้วยการใช้ในภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.29 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.78 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.32 ล้านกิโลกรัมต่อวัน จากการขยายตัวของกลุ่มรถแท็กซี่เป็นสำคัญ และภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.01 ล้านกิโลกรัมต่อวัน
ส่วนการใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.79 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ลดลง 16.7% และยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสม และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง ทั้งนี้ ปตท. ยังคงช่วยเหลือโดยตรึงราคาให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ ปัจจุบันดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 (1 กรกฎาคม 2567-31 ธันวาคม 2568)
สำหรับการนำเข้านํ้ามันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,037,176 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 1.2 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 93,900 ล้านบาทต่อเดือน เป็นการนำเข้านํ้ามันดิบอยู่ที่ 981,548 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.7 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้านํ้ามันดิบอยู่ที่ 89,989 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับการนำเข้านํ้ามันสำเร็จรูป (นํ้ามันเบนซินพื้นฐาน นํ้ามันดีเซลพื้นฐาน นํ้ามันเตา นํ้ามันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 55,627 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 26.7 % คิดเป็นมูลค่าการนำเข้านํ้ามันสำเร็จรูปอยู่ที่ 3,911 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่การส่งออกนํ้ามันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 186,067 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 4.4 % เป็นการส่งออกนํ้ามันเบนซิน นํ้ามันดีเซล นํ้ามันเตา นํ้ามันอากาศยาน นํ้ามันก๊าด และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 17,933 ล้านบาทต่อเดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง