climatecenter

เปิดบัญชีก๊าซเรือนกระจกไทย สะท้อนอนาคตลดโลกร้อน

    รายงานความโปร่งใสรายสองปีฉบับแรกของประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลบัญชีก๊าซเรือนกระจกอย่างละเอียด ชี้ให้เห็นถึงแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซ พร้อมแนวโน้มการลดลงของการปล่อยมลพิษในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19

รายงานความโปร่งใสรายสองปีฉบับแรกของประเทศไทย หรือ Thailand’s First Biennial Transparency Report (BTR1) จัดทำขึ้นอย่างเป็นทางการโดย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอยู่ภายใต้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงข้อมูลความโปร่งใสเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกรณีตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) นับเป็นความพยายามสำคัญในการส่งเสริมให้โลกเห็นถึงความจริงจังของไทยในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

หนึ่งในส่วนสำคัญของรายงานฉบับนี้ คือ "บัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศ" ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย โดยใช้ระบบสารสนเทศการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (Thailand Greenhouse Gas Emission Inventory System: TGEIS) ซึ่งพัฒนาขึ้นตามคู่มือของ IPCC 2006 Guidelines เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ข้อมูลในส่วนนี้ครอบคลุมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 5 ภาคส่วนหลัก และสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์จริงของประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ในปี พ.ศ. 2565 (2022) ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น 385,893.39 ktCO2eq หากไม่นับรวมภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตัวเลขนี้ลดลงเหลือเพียง 277,991.97 ktCO2eq ซึ่งถือเป็นตัวเลขการปล่อยก๊าซสุทธิที่ต่ำลงจากการดูดซับของภาคป่าไม้

เมื่อพิจารณาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละภาคส่วน พบว่า ภาคพลังงานเป็นตัวการหลัก คิดเป็นสัดส่วนถึง 65.90% หรือ 254,307.21 ktCO2eq รองลงมาคือ ภาคเกษตรกรรมที่ปล่อย 68,933.74 ktCO2eq หรือ 17.86% ภาคกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปล่อย 40,527.22 ktCO2eq หรือ 10.50% และภาคของเสียที่ปล่อย 22,125.22 ktCO2eq หรือ 5.74%

สำหรับภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก โดยในปีเดียวกันสามารถดูดซับได้ถึง -107,901.42 ktCO2eq ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซของภาคส่วนอื่นๆ ได้อย่างมาก

แนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2565 (2000-2022) แสดงให้เห็นว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกภาคส่วน แต่กลับลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่โลกเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ในปี พ.ศ. 2563 และ 2564 (2020 และ 2021) ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2565 (2022) การปล่อยก๊าซ CO2 ได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

เมื่อพิจารณาการปล่อย CO2 ต่อประชากร พบว่าค่าเฉลี่ยในปี พ.ศ. 2543 (2000) อยู่ที่ 2.86 tCO2/Capita และเพิ่มขึ้นเป็น 4.10 tCO2/Capita ในปี พ.ศ. 2565 (2022) แม้ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของไทยในการจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับหนึ่ง

รายงาน BTR1 โดยเฉพาะส่วนของบัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายและประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ทั้งในแง่ของการปล่อยมลพิษและศักยภาพในการลดโลกร้อน ข้อมูลที่ได้รับการจัดเก็บและวิเคราะห์อย่างละเอียดนี้ จะช่วยเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ด้วยความชัดเจนและโปร่งใสของข้อมูลในรายงานฉบับนี้ ไทยสามารถแสดงให้โลกเห็นถึงความจริงจังในบทบาทผู้นำของภูมิภาคที่พร้อมขับเคลื่อนอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบที่ดีต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยเป็นตัวอย่างสำคัญให้กับประเทศอื่นๆ ในการร่วมกันรับมือกับวิกฤตโลกร้อนในระดับโลก