net-zero

"ไทยออยล์" เร่งแก้ปมโครงการพลังงานสะอาด ชงบอร์ดไฟเขียว ต้นปี 68

    ไทยออยล์ ยันเดินหน้าโครงการพลังงานสะอาด สู่เป้าหมาย Net Zero เล็งชงบอร์ด-ผู้ถือหุ้น ต้นปี 2568 เสนอแนวทางแก้ปัญหาการก่อสร้างล่าช้า ที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง นักวิเคราะห์คาดไม่กระทบผลการดำเนินงานในระยะสั้น เหตุน้ำมันล้นตลาด

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15 % ในปี 2578 จากปีฐาน 2569 (Interim Target) ก้าวไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี 2603

การขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 จึงถือเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานรูปแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่ และเสริมความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเปลี่ยนนํ้ามันเตาให้เป็นนํ้ามันอากาศยาน และนํ้ามันดีเซลที่มูลค่าสูงกว่า เพื่อสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี

ปัจจุบันการก่อสร้างโครงการ CFP มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% โดยได้เริ่มมทดสอบเดินเครื่องจักรของหน่วยกำจัดสารกำมะถันในนํ้ามันดีเซลหน่วยใหม่ ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้เป็นต้นมา ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน เพื่อรองรับการผลิตนํ้ามันดีเซลมาตรฐาน Euro 5

\"ไทยออยล์\"  เร่งแก้ปมโครงการพลังงานสะอาด ชงบอร์ดไฟเขียว ต้นปี 68 ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดใหญ่ของ โควิด-19 ในช่วงปี 2563-2565 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งในภาคการผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักร การขนส่ง และการก่อสร้าง ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า ส่งผลให้การลงทุนของโครงการ CFP เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566

ประกอบกับผู้รับเหมาหลัก ได้แก่ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor) (เรียกรวมกันว่า “UJV- Samsung, Petrofac และ Saipem”) ไม่ชำระเงินค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงกว่า 16 ราย ทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไป จากที่ขยายระยะเวลามาแล้ว 2 ปี จากปี 2566

บัณทิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

นายบัณทิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเร่งแก้ปัญหาการก่อสร้างโครงการ CFP กับผู้รับเหมาหลัก หลังจากได้จ่ายเงินครบถ้วนตามสัญญาไปแล้ว ซึ่งได้ยินว่าผู้รับเหมาหลักได้มีการจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงไปแล้วบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ทำให้หนี้คงค้างยังมีปริมาณสูง และผู้รับเหมาช่วงขาดสภาพคล่อง จึงไม่สามารถที่จะจ้างแรงงานจากเดิมที่มีกว่า 1 หมื่นคน ทำให้การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน เพราะขณะนี้แรงงานลดลงเหลือไม่กี่พันคน

ทั้งนี้ ยืนยันว่าสัญญาก่อสร้างหรือ EPC ระหว่างไทยออยล์กับผู้รับเหมาหลัก ได้มีการพิจารณาอย่างรัดกุม ระบุหลักการสำคัญหลายประการในสัญญา เช่น การกำหนดขั้นตอนในการทดสอบและการส่งมอบโครงการ การรับประกันคุณภาพ, เงื่อนไขความรับผิดชอบ และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นต้น หากเกิดกรณีผิดสัญญา บริษัทสามารถที่จะเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของสัญญาได้

\"ไทยออยล์\"  เร่งแก้ปมโครงการพลังงานสะอาด ชงบอร์ดไฟเขียว ต้นปี 68

แหล่งข่าวจากผู้รับเหมา กล่าว่า การที่ผู้รับเหมาหลักอาจผิดสัญญารับเหมาช่วง โดยที่ไทยออยล์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ใช่คู่สัญญากับผู้รับเหมาช่วงในการจ่ายค่าตอบแทน การจะมาอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงินแล้วไม่จ่ายตามสัญญาไม่ได้ ถือเป็นการเอาเปรียบผู้รับเหมาช่วง

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาจากนี้ไป เพื่อให้ผู้รับเหมาหลัก ดำเนินการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ และเป็นการใช้สิทธิตามสัญญาที่มีอยู่ และรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น คาดว่าในช่วงต้นปี 2568 ทางไทยออยล์คงจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้คณะกรรมการหรือบอร์ดไทยออยล์พิจารณา ที่จะให้ความเป็นธรรมให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ส่วนนักวิเคราะห์มองว่า แม้ว่าโครงการ CFP จะมีความล่าช้าออกไป แต่มองว่าคงไม่มีผลกระทบต่อผลดำเนินงานในระยะสั้นของบริษัทไทยออยล์มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน จากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ย ภูมิรัฐศาสตร์ การกีดกันทางการค้า

อีกทั้ง นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เน้นการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และจะเร่งผลิตนํ้ามันดิบขึ้นมาจนเกินความต้องการ จะมีส่วนทำให้ราคานํ้ามันไม่ผันผวนเท่าที่ควร การทยอยขึ้นแต่ละยูนิตของโครงการ CFP น่าจะเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีกว่า