ท่องเที่ยวไทย ยังโตแกร่ง เแรงขับเคลื่อนจีดีพี ปี 2568

28 ก.พ. 2568 | 04:15 น.

แม้สภาพัฒน์จะประกาศจีดีพี ในปี 2568 โตต่ำกว่า 3 % แต่การท่องเที่ยว ก็ยังคงปัจจัยหลัก ในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆที่เกิดขึ้น

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศภาวะเศรษฐกิจไทยล่าสุด โดยรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของไทยในปี 2567 เติบโต 2.5% และคาดการณ์ว่าปี 2568 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% แม้ว่าจะเป็นสัญญาณบวก แต่ก็ยังรั้งท้ายประเทศอาเซียน ซึ่งแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 ภาคการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการขยายตัวที่เกิดขึ้น

การท่องเที่ยวในปีนี้ยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยว จากประเทศต้นทางส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

เช่นเดียวกับแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก และการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศมายังประเทศไทย

รวมถึงการดำเนินมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของภาครัฐผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า รวมทั้งการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

การเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวไทย ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

โดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวดังกล่าวส่งผลให้ภาคบริการที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภาคการขนส่ง ภาคบริการที่พักและร้านอาหาร รวมถึงภาคการค้ามีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง

ดิลิป ราชากาเรีย

ต่อเรื่องนี้นาย ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินจีดีพี ของไทยในปี 2568 ขยายตัว 2.8% ซึ่งเติบโตแบบชลอตัว ไมเนอร์ไม่ได้กังวลเรื่องนี้มากนัก

โดยในแง่ของการท่องเที่ยว ไมเนอร์ จะดูการคาดการณ์ของทั่วโลกเป็นสำคัญ ซึ่งจะพบว่าในภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ก็ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

จากข้อมูลของ Oxford Economic พบว่าการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก มีทิศทางบวกต่อเนื่อง อาทิ ยุโรป นักท่องเที่ยวเติบโต 4.51 % เอเชียแปซิฟิก เติบโต 7.89 % ตะวันออกกลาง เติบโต 8.61 % ประเทศไทย นักท่องเที่ยวเติบโต 7.61 %

หรือแม้แต่การขยายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยว ก็ขยายตัวเช่นกัน อาทิ ยุโรป มีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.08 % เอเชียแปซิฟิก เติบโต 8.57 % ตะวันออกกลาง เติบโต 8.95 % ไทย เติบโต 13.69 %

แนวโน้มธุรกิจโรงแรมทั่วโลก

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในภาพรวม อาจมีความท้าท้าย แต่รัฐบาลก็พยายามทำทุกรูปแบบ เพื่อขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชูโรงของเศรษฐกิจไทย และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ทั้งด้านขนส่งคมนาคม ความปลอดภัย ทำให้ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายท่องเที่ยวสำคัญ และเกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น

นายดิลิป กล่าวต่อถึงการเข้ามาของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อีกสมัย ผมประเมินว่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว เพราะทุกคนอย่างไรยังต้องมีการเดินทาง ทั้งเพื่อสันทนาการ หรือการทำธุรกิจต่างๆ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวจะไม่ได้มีความกังวลกับสภาพเศรษฐกิจใหญ่

อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะอย่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่ามากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสหรัฐหลั่งไหลออกไปใช้จ่ายและท่องเที่ยวนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่พำนักอยู่ในโรงแรมของไมเนอร์มากขึ้นด้วย ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ อย่าง รัสเซีย - ยูเครน เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาแล้ว ก็อาจสามารถจบลงได้เร็วขึ้น

อีกทั้งผมยังมองว่าภาครัฐทำหน้าที่ได้อย่างดีในการปรับโครงสร้างพื้นฐาน มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่อยากให้มีการดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย เพราะหุ้นไทยหลายตัว

อย่างหุ้นบริษัทของไมเนอร์ ก็ยังไม่ได้สะท้อนราคาที่แท้จริง ราคาต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงอยู่มาก ทั้งที่อัตราการเติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงตัวแปรต่างๆ อยู่ในภาพระดับสากล แต่ราคาขณะนี้ยังไม่ได้สะท้อนออกมา จึงอยากให้รัฐบาลดูแลตลาดหุ้นไทย รวมถึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) มากขึ้นด้วย

ด้านนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า การขยายตัวของจีดีพีในปีนี้ ที่สศช.ประเมินไว้ที่ 2.8 % เติบโตแบบชลอตัว ทำให้ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศของไทย โดยในช่วง 6 เดือนแรก ก็คงไม่ได้มีผลกระทบอะไร การใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

แต่ยังต้องประเมินในอีก 6 เดือนหลังจากนี้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นเช่นไร หรือรัฐบาลจะมีมาตรการใดเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรา

ในแง่ของการท่องเที่ยว ถ้าเป็นกลุ่มโรงแรม ที่เจาะตลาดนักท่องเที่ยวลักชัวรี จะไม่ได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจไทยชลอตัว เพราะคน

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ แต่ธุรกิจที่เจาะตลาดระดับกลางลงมา และยิ่งหากต้องพึ่งพาตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจถือเป็นความท้าทาย

สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปีนี้ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือน ม.ค. 68 ซึ่ง อยู่ที่ 74% เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน โดยภาคใต้ มีอัตราการเข้าพักสูงสุด

นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ประเมินว่า ใน Q1/68 จำนวนลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างน้อย 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น และการแข่งขันด้านราคาระหว่างธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อรายได้ของธุรกิจโรงแรมในระยะต่อไป

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,073 วันที่ 23 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568