ศูนย์วิจัยกสิกร ระบุบว่า ในปี 2568 คาดว่าตลาดร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) จะเติบโต 2.9% จากปี 2567 มีมูลค่า 213,000 ล้านบาท โดยร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่มองเรื่องความคุ้มค่าและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
นางสาวเกษมสันต์ สัตยารักษ์ รองประธานบริหาร คอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ (Copper Beyond Buffet) กล่าวว่า ภายในปี 2568 จะมุ่งเน้นการบริหารสองสาขาหลักที่มีอยู่ ได้แก่ เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า (The Sense Pinklao) และ เกษร อัมรินทร์ (Gaysorn Amarin)
โดยตั้งเป้ายอดขายรวมแตะ 1,000 ล้านบาท และรองรับลูกค้าให้ได้ 5 แสนคนต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่อยู่ที่ 4.8 แสนคน จากทั้งสองสาขาหลัก โดยสาขาเกษร อัมรินทร์ที่เปิดตัวในเดือนเมษายน 2567 มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าสาขาแรก เนื่องจากอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง ใกล้ BTS และมีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เดิมที คอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ ถูกวางให้เป็นร้านอาหารที่ช่วยดึงทราฟฟิกเข้าสู่ศูนย์การค้า เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า แต่เมื่อแบรนด์เติบโตขึ้นและได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงตัดสินใจขยายสาขาที่สองที่ เกษร อัมรินทร์ นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม อาทิ
ปัจจุบันมีศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์มากกว่า 20 แห่ง ติดต่อขอให้เปิดสาขาใหม่ แต่บริษัทยังรอดูจังหวะและทำเลที่เหมาะสม โดยหากเปิดสาขาที่ 3 จะพิจารณาพื้นที่ฝั่งกรุงเทพฯ เป็นหลัก พร้อมพื้นที่ราว 1,200 ตารางเมตร
ปัจจุบันคอปเปอร์ฯ มีฐานลูกค้าต่างชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสาขาเกษร อัมรินทร์ ซึ่งมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติสูงถึง 40% ขณะที่ลูกค้าชาวไทยคิดเป็น 60% สำหรับสาขาเดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นสาขาแรก มีฐานลูกค้าหลักเป็นคนไทย โดยมีอัตราส่วนลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 25% และลูกค้าคนไทย 75%
อย่างไรก็ตามคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจาก ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน และจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพสูง นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา คอปเปอร์ฯ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเดิมที่มีลูกค้าต่อเดือน10,000-15,000 คน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 คนต่อเดือน
ซึ่งเป็นผลมาจากการตลาดที่แข็งแกร่ง การขยายตัวของสาขาสอง และความนิยมของร้านที่เพิ่มขึ้นจากกระแสนักรีวิว “อินฟลูเอนเซอร์” มีบทบาทสำคัญในการสร้างกระแสให้กับร้าน โดยมีทั้งอินฟลูเอนเซอร์ไทยและต่างชาติที่มาทำรีวิว ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้าจากหลากหลายประเทศให้เข้ามา
หนึ่งในกลยุทธ์ของ คอปเปอร์ฯ คือการเพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติให้มากขึ้น โดยใช้จุดแข็งของร้านที่มีจุดขายชัดเจนและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ
การที่ลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าว ช่วยให้ร้านสามารถรักษาอัตราการจองได้อย่างต่อเนื่อง และลดความผันผวนของยอดขายในแต่ละวัน
นอกจากนี้บริษัทยังคงศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายไปยังต่างประเทศ โดยพิจารณา วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และ ต้นทุนการดำเนินงาน โดยปัจจุบันสนใจตลาดในสิงคโปร์แต่ยังติดปัญหาเรื่องต้นทุนค่าเช่าและวัตถุดิบ
ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นกว่า 50% แต่บริหารต้นทุนผ่านการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล เผื่อลดทุนทุนในบางส่วนลงได้ อีกทั้งบริษัยังสร้างความแตกต่างในตลาดผ่านการเพิ่มเมนูใหม่ และการจับมือกับแบรนด์อื่นๆ
คอปเปอร์ฯ มองว่าการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีพันธมิตรด้านวัตถุดิบ ที่แข็งแกร่ง จึงได้จับมือกับ Betagro, Q-Fed, Foodviva และ S-Pure รวมถึงแพลตฟอร์มจองร้านอาหาร Hungry Hub ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้คอลแลบกับ “สก๊อต รังนกแท้” และ “ชาตรามือ” ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยที่มีฐานลูกค้าทั่วโลก เพื่อช่วยยกระดับอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มโอกาสทางการตลาด สำหรับผลประกอบการ ปี 2567 ยอดขายรวม 800 ล้านบาท กำไร 10% จากรายได้รวมทั้งหมด