ท่ามกลางอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตลาดสินค้าสำหรับเด็กกลับมีการเติบโตที่น่าสนใจ โดย “TINY NOSE” แบรนด์สินค้าเด็กที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี ได้วางแผนธุรกิจปี 2568 ด้วยงบลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปีถึง 10 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดและก้าวสู่การเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้า ENT (หู คอ จมูก)
ซึ่งขนาดตลาดการรักษาหู คอ จมูก (ENT) ทั่วโลกมีมูลค่า 18.90 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 และคาดว่าจะเกิน 33.43 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2577 โดยเติบโตที่อัตรา CAGR 5.87% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2577 ระหว่างมี การเติบโตของตลาดนี้ขับเคลื่อนโดยอุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้น
นายวรวิทย์ วงศ์ศรีรุ่งเรือง Director บริษัท เฌอร์คุณฎา จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เด็กภายใต้แบรนด์ “TINY NOSE” กล่าวว่า แม้ว่าอัตราการเกิดของเด็กไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีเด็กเกิดเพียง 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีที่ต่ำกว่า 5 แสนคนต่อปี แต่ยอดการจับจ่ายสินค้าสำหรับเด็กกลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากพ่อแม่ยุคใหม่มีกำลังซื้อและให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้ามากขึ้น โดย 10 ปีที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายสินค้าเด็กเพิ่มขึ้นถึง 30%
TINY NOSE เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตผ้าเปียกน้ำเกลือรายแรกของไทย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาดจมูก ใบหน้า และร่างกายเด็ก โดยปัจจุบัน TINY NOSE มีไลน์สินค้า 2 ชนิด ได้แก่ทิชชู่เปียก ถือเป็นสินค้าเรือธงที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์มาตลอด 10 ปี โดยมีส่วนแบ่งตลาด 80% จากยอดขายรวม และมีแผนขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้นเพิ่มอัตตราการเติบโตอย่างยั่งยืน
อีกสินค้าดาวรุ่งตัวใหม่อย่าง สเปรย์น้ำเกลือ สินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงโควิด-19 และมีศักยภาพในการเติบโต โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 140,000 ขวด จากยอดขายต้นปี 50,000 ขวด โดยปี 2568 วางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีกใหม่ 6 SKU ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ และ 2 SKU สำหรับผู้สูงอายุ โดยเน้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ENT โดยเฉพาะช่องปากและลำคอ ชูจุดเด่นสินค้าผลิตในเมืองไทยเพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศและลดการปนเปื้อนระหว่างขนส่ง
ช่องทางการจัดจำหน่าย ออนไลน์สู่ร้านขายยา
TINY NOSE เน้นช่องทางการขายออนไลน์เป็นหลัก โดยยอดขายจากออนไลน์แบ่งเป็นมาเก็ตเพรส และไดเรกเซลจากเว็บไซต์แบรนด์โดยตรง โดยมีสัดส่วน 60:40 และมีแผนขยายสู่ร้านขายยาในเดือนเมษายน 2568 เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ตั้งเป้าผู้นำตลาดสินค้า ENT ภายใน 5 ปีเพิ่มยอดขายปี 2568 เป็น 45 ล้านบาท จาก 20 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นยอดขายจากทิชชู่เปียกและสเปรย์น้ำเกลืออย่างละ 50% เพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มน้ำเกลือจาก 10% เป็นผู้นำในตลาด โดยตลาดน้ำเกลือมีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท มั่นใจว่า ด้วยแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งและคุณภาพสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จะทำให้แบรนด์ก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดสินค้าเด็กและ ENT ได้อย่างแน่นอน นายวรวิทย์ กล่าวเสริม
ทางด้านนายวรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการตลาดว่า Salinex Mist Baby ได้สร้างความแตกต่างด้วย กลยุทธ์ Character Marketing โดยเป็นแบรนด์ไทยรายแรกที่นำคาแรกเตอร์ขวัญใจเด็กทั่วโลกจากแอนิเมชันเรื่อง Cocomelon มาโลดแล่นบนบรรจุภัณฑ์ 3 ดีไซน์ เป็นสเปเชียลเอดิชัน เพื่อสร้างการจดจำ เข้าถึงง่าย เสริมภาพลักษณ์ที่สดใส น่ารัก และมีความสากล รวมทั้งสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับเด็กผ่านตัวละครที่เด็กชื่นชอบ พร้อมรุกตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งห้างสรรพสินค้า ชั้นนำ ร้านขายยา และช่องทางออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ช้อปปี้ และติ๊กต๊อก
"สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ประกอบกับเทรนด์การใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 120 ล้านบาท เติบโต 5-7% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจึงตั้งเป้าหมายยอดขาย Salinex Mist Baby ในปี 2568 ไว้ที่ 120,000 - 140,000 ขวด หลังจากการเปิดตัวสเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกแล้ว เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่วางใจ” นายวรวิทย์ กล่าว