นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 (53rd National Book Fair & 23rd Bangkok International Book Fair 2025) ในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้ง
โดยเฉพาะการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ฮอลล์เป็น 4 ฮอลล์ ส่งผลให้มีพื้นที่การจัดงานจากเดิม 1.5 หมื่นตร.ม. เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นตร.ม. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับนักอ่านที่เดินทางมาร่วมงานซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งจำนวนผู้ประกอบการสำนักพิมพ์และบริษัทต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศที่ต้องการเข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ต้องยอมรับว่าความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมหนังสือฯ ในครั้งก่อนที่มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.4 ล้านคน ถือเป็นสถิติใหม่ เป็นการทำนิวไฮมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ได้รับความสนใจจากสำนักพิมพ์ทั้งของไทยและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น สมาคมจึงต้องเดินหน้าจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติฯ ในครั้งใหม่ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม”
อย่างไรก็ดีหลังการขยายพื้นที่เพิ่ม ส่งผลให้การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 53 ปี และเป็นงานซื้อขายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน แนวคิดการจัดงานขึ้นเกิดขึ้นในธีม “ย ยักษ์ อ่านใหญ่” งานหนังสือครั้งใหม่ ใหญ่กว่าเดิม โดยมี “ย ยักษ์” เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ อลังการ สะท้อนถึงการเติบโตของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่เป็นมากกว่าการขายหนังสือ
แต่ยังรวบรวมหนังสือดีหลากหลายประเภท ทั้งไทยและต่างประเทศ จากสำนักพิมพ์ชั้นนำ พร้อมเสริมทักษะสาระ ความรู้ ความบันเทิง มารวมไว้ในงาน นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย และสุดท้ายคือ บ่งบอกความเป็นไทย หนึ่งในซอฟท์ เพาเวอร์ของประเทศไทยด้วย
สำหรับการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 มี.ค. - 7 เม.ย. 2568 ณ ฮอลล์ 5 - 8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1.3 ล้านคน มียอดขายกว่า 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 - 10% จากการจัดงานครั้งก่อน
โดยภายในงานแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 7 โซน ได้แก่ 1. โซนหนังสือนิยายและวรรณกรรม 2. โซนหนังสือการ์ตูนและวัยรุ่น (Book Wonderland) 3. โซนหนังสือเด็กและการศึกษา 4. โซนหนังสือทั่วไป 5. โซนหนังสือเก่า 6.โซนหนังสือต่างประเทศ และ 7. โซน Non – Book รวมหนังสือมากกว่า 2 ล้านเล่ม จาก 400 สำนักพิมพ์และร้านหนังสือชั้นนำรวม 1,200 บูธ พร้อมพื้นที่พิเศษ PUBAT Creative Zone และยังมีนิทรรศการให้ชมกว่า 10 นิทรรศการ และกิจกรรมสร้างสรรค์อีกกว่า 100 กิจกรรม อาทิ
นิทรรศการเยี่ยมยักษ์ : การจำลองโต๊ะทำงานของยักษ์พิเภก พร้อมข้าวของเครื่องใช้ขนาด Oversized ที่เปิดให้นักอ่านเข้าไปเยี่ยมชม, นิทรรศการแปลหนังสือไทย เพื่อเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ, นิทรรศการ Book Power การแสดงหนังสือที่ถูกแนะนำจากคนสำคัญของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ Soft Power
นิทรรศการ ๗๐ พรรษา ๗ พระราชนิพนธ์แปลทรงคุณค่าในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดย บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด, กิจกรรม Author’s Salon การเปิดพื้นที่ให้นักเขียนอิสระและนักเขียนทุกประเภท รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ได้มาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์การเขียนกับนักอ่าน เป็นต้น
นายสุวิช กล่าวว่า ปัจจุบันมีหนังสือไทยที่ได้รับความนิยมและชื่นชอบจากต่างประเทศ พร้อมถูกซื้อลิขสิทธิ์ และนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย ดังนั้นในปีนี้สมาคมจึงได้จัดงาน Bangkok Rights Fair 2025 งานจับคู่ธุรกิจเพื่อการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือนานาชาติ ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ซึ่งปีนี้มีสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์เข้าร่วมกว่า 115 บริษัท จาก 14 ประเทศและเขตแดน อาทิ สหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน พม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย โดยภายในงานตั้งเป้าหมายที่จะมีการเจรจาการค้า (Business Matching) มากกว่า 200 คู่ คาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายลิขสิทธิ์เกิดขึ้นในงานกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68.5 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาสมาคมและผู้ประกอบการได้เข้าร่วมงาน Book Fair ในหลายประเทศทั้งไต้หวัน เกาหลี ฯลฯ ซึ่งมีบริษัทจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน และได้รับความสนใจซื้อขายลิขสิทธิ์มาต่อเนื่อง ทำให้ในปีนี้ที่มีการจัดงาน 53rd National Book Fair & 23rd Bangkok International Book Fair 2025 จึงได้รับความสนใจจากสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์จากหลายประเทศ ที่กำลังมองหาผลงานเขียนจากนักเขียนไทยจำนวนมาก ทั้งผู้ที่ต้องการซื้อลิขสิทธิ์ไปเพื่อการแปล การนำไปต่อยอดเป็นซีรีย์ ภาพยนตร์ ฯลฯ”
ดังนั้นภายในงานนอกจากจะเปิดให้มีการพบปะระหว่างนักเขียนไทยกับสำนักพิมพ์และตัวแทนลิขสิทธิ์จากประเทศต่าง ๆ แล้ว สมาคมยังมีแผนลงนามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนและร่วมพัฒนางานหนังสือ และงานซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศกับองค์กรต่าง ๆ ได้แก่
1. Taiwan Creative Content Agency (TAICCA) ข้อตกลงแลกเปลี่ยนการสนับสนุนทุนสำหรับเข้าร่วมงานซื้อขายลิขสิทธิ์ในงาน Taipei International Book Exhibition และ Bangkok Rights Fair
2. Kota Buku ข้อตกลงการร่วมพัฒนางานซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์ ระหว่าง Asian Rights Fair และ Bangkok Rights Fair อีกด้วย ขณะที่ภายในโซนต่างประเทศ ยังมีบูธจากต่างประเทศที่มานำเสนอหนังสือ ลิขสิทธิ์หนังสือ รวมถึงเผยแพร่วัฒนธรรมจาก อังกฤษ จีน เกาหลี อินเดีย อิหร่าน ไต้หวัน กัมพูชา และยูเครน ด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุตสาหกรรมหนังสือในประเทศไทยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าราว 1.6 - 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ขณะที่หนังสือที่ได้รับความนิยมสูง ยังเป็นหนังสือนิยายและวรรณกรรม, หนังสือเด็ก,การ์ตูน รวมถึงหนังสือ HOw to นอกจากนี้ยังพบว่า เยาวชน คนรุ่นใหม่ มีสถิติการอ่านหนังสือที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญด้วย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีด้วย
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,078 วันที่ 13 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2568