สยามพิวรรธน์เดินเกมรุกผู้นำในการบุกเบิกต้นแบบ “จุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีระดับโลก”

07 มี.ค. 2568 | 18:30 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มี.ค. 2568 | 18:43 น.

สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการโกลบอลเดสติเนชั่น สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม เดินหน้าสร้างต้นแบบ จุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พร้อมตอกย้ำการเป็น Preferred destination สำหรับแบรนด์ชั้นนำที่ต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทยด้วยศักยภาพแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างยอดขายสูงสุดในระดับภูมิภาค และบ่อยครั้งติดอันดับยอดขายสูงสุดของโลก

ในปี 2568 สยามพารากอน และไอคอนสยาม เตรียมขยายพื้นที่สำหรับลักซ์ชัวรีแบรนด์อีกเท่าตัว เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบครันครอบคลุมมากที่สุด โดยการขยายดังกล่าวจะครอบคลุมการเปิดร้านลักซ์ชัวรีแบรนด์ใหม่ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งการขยาย Duplex luxury boutique ที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568

 

สยามพิวรรธน์เดินเกมรุกผู้นำในการบุกเบิกต้นแบบ “จุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีระดับโลก”

สยามพิวรรธน์เดินเกมรุกผู้นำในการบุกเบิกต้นแบบ “จุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีระดับโลก”

 

สยามพารากอนยังเตรียมเปิดโซนใหม่ Luxury Dining แห่งแรกของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์อาหารระดับเวิลด์คลาส รวบรวมร้านอาหารจากแบรนด์ชั้นนำที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมเชฟมิชลินสตาร์มาร่วมสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่สยามพารากอนเท่านั้น

(ซ้าย) ทิพาณัท เลณบุรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงานขายและธุรกิจสัมพันธ์กลุ่มธุรกิจแฟชั่น บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (ขวา) ธณพร ตันติยานนท์ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจสยามพารากอน

ทิพาณัท เลณบุรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มสยามพิวรรธน์มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในตลาดลักซ์ชัวรี มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงสุด 70% ในตลาด Luxury Retail และมีรายได้ต่อตารางเมตรสูงสุดในประเทศไทย ถือเป็นแพลตฟอร์มสร้างยอดขายสูงสุดในภูมิภาคและบางแบรนด์ติดอันดับสูงสุดของโลก ส่งผลให้มีจำนวนร้านกว่า 90 แบรนด์และพื้นที่สำหรับ Luxury Brand กว่า 35,000 ตารางเมตร มากที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งมีการลงทุนเปิดไอคอนนิกสโตร์มากที่สุดในประเทศ พร้อมกับการจัด Pop up นิทรรศการและแฟชั่นโชว์ระดับโลกมากที่สุดถึง 132 งาน นอกจากการรวบรวมสินค้าและบริการที่ตอบการใช้ชีวิตแบบลักซ์ชัวรี่ที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลุ่มสยามพิวรรธน์ยังคง ได้รับความไว้วางใจ ในการเปิดแฟล็กชิพสโตร์ คอนเซ็ปต์สโตร์ จัดกิจกรรมพิเศษการเปิดป๊อปอัพ สโตร์และเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่อย่างต่อเนื่อง การผนึกกำลังความแข็งแกร่งร่วมกับ พันธมิตรทำให้ในปี 2568 จะมีแบรนด์ใหม่อีก 15 แบรนด์ ที่จะมาเปิดร้านแห่งแรกในไทย ทั้งในสยามพารากอน และไอคอนสยาม อาทิ Delvaux (เดลโวซ์) แบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงจากเบลเยี่ยม, Boucheron และ Fauré Le Page (ฟอร์เล เลอ พาจ) ซึ่งทั้งสามแบรนด์จะเปิดที่สยามพารากอนเป็นแห่งแรก

นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์จะเปิดแฟล็กชิฟสโตร์แบบดูเพล็กซ์และทรีเพล็กซ์ถึง 13 แห่ง จำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย ดูเพล็กซ์แบบสองชั้น 6 แห่ง และทรีเพล็กซ์แบบสามชั้น 1 แห่ง ที่สยามพารากอน และดูเพล็กซ์ 6 แห่งที่ไอคอนสยาม”

“ตลาดลักซ์ชัวรี” ในประเทศไทยยังคงแสดงศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจมากขึ้นจากแบรนด์ชั้นนำที่สนใจเข้ามาลงทุน นอกจากนี้ ความสำเร็จของสยามพารากอนและไอคอนสยาม โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องประดับชั้นสูง (Fine Jewelry) และนาฬิกา ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้เสริมความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้พัฒนา Luxury Destination ระดับโลก ที่มีฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทย

ธณพร ตันติยานนท์ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจสยามพารากอน กล่าวว่า “ตลาดลักซ์ชัวรีกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเทรนด์ใหม่จะถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภครุ่นใหม่และกลุ่ม Gen Z ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณค่าของสินค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ชื่นชอบสินค้าที่หายากมีคุณภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง และโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตในแบบเฉพาะบุคคล ไม่จำเป็นต้องมาจากแบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็น “ที่สุด” (Best in Class) และคุ้มค่า”

สยามพิวรรธน์ จึงมุ่งมั่นสร้างต้นแบบใหม่ของจุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีให้ล้ำสมัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมดังนี้ :

1. Curation & Co-creation การคัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

สยามพิวรรธน์ร่วมมือกับแบรนด์และพันธมิตรระดับโลกผ่านการ Co-creation เพื่อสร้าง Ecosystem ที่นำเสนอประสบการณ์เหนือความคาดหมาย โดย สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม ยังคงเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมร้านค้าและแบรนด์หรูครอบคลุมและครบครันมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับชั้นสูง นาฬิกา และรถยนต์ไฮเอนด์

 

ไฮไลต์ร้านเปิดใหม่ ได้แก่:

 

Delvaux

• Delvaux (เดลโวซ์) เปิดตัวบูติกแห่งแรกในประเทศไทย ณ สยามพารากอน เมื่อ 22 มกราคม 2568 ถือเป็นการขยายฐานครั้งสำคัญสู่ภูมิภาคเอเชีย

• Boucheron แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงจากฝรั่งเศส เตรียมเปิดบูติกแห่งแรกของประเทศไทยที่สยามพารากอน

• โรลส์-รอยซ์ เปิดโชวรูมใหม่ ‘Galleria’ ในสยามพารากอน แห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 5 ในเอเชีย

 

Chaumet

• Chaumet แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม

• Loewe ช้อปแห่งแรกในไทยที่เป็นรูปแบบ Loewe Casa ณ สยามพารากอน

• Prada เปิดบูติคสำหรับผู้ชายแห่งแรกในประเทศไทย ณ สยามพารากอน

• Dolce & Gabbana คอนเซปต์สโตร์ใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ สยามพารากอน

 

BVLGARI

• BVLGARI เปิดดูเพล็กซ์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ สยามพารากอน

 

2. Luxury for all ลักซ์ชัวรีสำหรับทุกคนที่เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม นำเสนอสินค้าลักซ์ชัวรีที่ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มีเอกลักษณ์ และตอบความต้องการเฉพาะบุคคลที่ดีขึ้น

สยามพิวรรธน์เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสลักซ์ชัวรีแบรนด์ผ่าน Pop-up Stores ที่ผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนความเป็นตัวตน ซึ่งปีนี้มีหลายแบรนด์ดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมสร้างปรากฏการณ์ในสยามพารากอน และไอคอนสยาม อาทิ Chanel Coco Crush Exhibition ครั้งแรกในประเทศไทย, Gucci Ancora Pop Up ครั้งแรกในประเทศไทยในการเปิดคอลเลกชั่นแรกของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Sabato de Sarno, Gentle Monster X Jennie Pop Up แห่งเดียวในประเทศไทย, A. Lange & Söhne Precious in Motion Exhibition ครั้งแรกในประเทศไทย, Chanel L’ Avant – Premiere Pop Up ครั้งแรกในตะวันออกเฉียงใต้และอีกกว่า 15 pop up stores ที่เป็นคอนเซ็ปต์พิเศษครั้งแรกในประเทศไทย จัดที่สยามพารากอนและไอคอนสยามในปี 2567

 

Gentle Monster X Jennie Pop Up

A. Lange & Söhne Precious in Motion Exhibition

 

3. Extraordinary Experiences สร้างประสบการณ์ลักซ์ชัวรีที่เหนือระดับแบบครบวงจร

ยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งสู่มิติใหม่ที่ครบวงจรที่รวมถึง Luxury Dining การผสมผสานผลงานศิลปะที่รังสรรค์มาในพื้นที่ และบริการพิเศษที่เหนือระดับ โดยเมื่อต้นปี 2567 กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้รับเกียรติให้ดำเนินการบริหาร Le Café Louis Vuitton ร้านคาเฟ่สุดหรูแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ รวมทั้งการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบเหนือระดับด้วย Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) ร้านอาหารฝรั่งเศสไฟน์ไดนิ่งร่วมสมัย ที่ไอคอนสยาม ซึ่งประสบความสำเร็จคว้าดาวมิชลินติดต่อกัน 5 ปี ความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับโลกนี้ตอกย้ำบทบาทของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้นำด้านการสร้าง Holistic Experience

นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการและอีเวนต์ที่นำความคิดสร้างสรรค์ งานศิลปะ เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้เยี่ยมชมให้เหนือความคาดหมายและน่าประทับใจ

4. New affluent community การสร้างฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงคนรุ่นใหม่

สยามพิวรรธน์ครองความเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่สุดในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จด้วยการเพิ่มศักยภาพและยกระดับ Luxury CRM สำหรับลูกค้าสมาชิก (Membership) ในรูปแบบใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Global citizen พร้อมกับการเปิดตัว JAI by ONESIAM ลักซ์ซัวรีไลฟ์สไตล์คลับระดับโลก เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ที่ไร้พรมแดน นำเสนอประสบการณ์แบบ Exclusive ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ในกลุ่มลักซ์ชัวรีสู่มาตรฐานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

5. Sustainable luxury ส่งเสริมแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

สยามพิวรรธน์สนับสนุนแบรนด์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ การดูแลผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนการสร้างผลกระทบเชิงบวก พร้อมมุ่งมั่นส่งเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสังคมและโลกใบนี้ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินกลยุทธ์สำคัญเพื่อสนับสนุนแบรนด์พันธมิตรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยการพัฒนาแนวปฏิบัติการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนสำหรับผู้เช่า การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการรีไซเคิลและลดการฝังกลบ รวมถึงการดำเนินการและแสวงหาพลังหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งแบบ On-site และ Off-site เพื่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน

กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้ตอกย้ำโกลบอลเดสติเนชั่นอันดับ 1 สามารถคว้ารางวัลด้านลักซ์ชัวรีจากสถาบันชั้นนำกว่า 25 รางวัล โดยเฉพาะในปี 2567 ไอคอนสยามคว้ารางวัล Asia’s Most Innovative Shopping Experience จาก Cathay Members’ Choice Awards 2024 ถูกคัดเลือกโดย CNBC ให้เป็นหนึ่งในที่สุดของจุดหมายปลายทางระดับลักซ์ชัวรีในประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีที่ดีที่สุดในเอเชีย และติดอันดับ 4 ของโลกจาก The World’s Most Luxurious Shopping Malls of 2024 โดย Luxurious by Marketing Mentor คว้ารางวัล Best Luxury Shopping Mall in Thailand จาก Luxury Lifestyle Awards 2024 และรางวัล Iconic Thai Brand จาก Tatler Asia

สยามพิวรรธน์ยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการสร้างโลกแห่งลักซ์ชัวรีที่ไม่เพียงตอบโจทย์ปัจจุบัน แต่ยังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมลักซ์ชัวรีสู่มาตรฐานใหม่ในอนาคต

 

สยามพิวรรธน์เดินเกมรุกผู้นำในการบุกเบิกต้นแบบ “จุดหมายปลายทางลักซ์ชัวรีระดับโลก”