T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์

01 ก.พ. 2568 | 14:00 น.

T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์ อาทิ เจฟ ซาเตอร์, 4 EVE, BUS, Pixxie ฯลฯ ส่งผลสร้างโอกาสทางธุรกิจและ

นายณฐพล ศรีจอมขวัญ รองประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สไปร์ซซี่ดิสก์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ศิลปินไทยได้สร้างกระแสในอุตสาหกรรมดนตรีระดับนานาชาติอย่างน่าประทับใจด้วยการขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีที่สำคัญทั่วโลก

ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงความสามารถที่โดดเด่นของตัวศิลปินเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงไทยที่ก้าวไกลสู่เวทีระดับสากล มีศิลปินไทยที่ได้เข้าร่วมแสดงในงานเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติมากมาย อาทิ SXSW Sydney 2024 ในออสเตรเลีย Baybeats Music Festival 2024ที่สิงคโปร์ AXEAN Festival 2024 ในอินโดนีเซีย และ ONE MUSIC CAMP 2024 ในญี่ปุ่น

นายณฐพล ศรีจอมขวัญ

ซึ่งเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมดนตรีแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับในระดับโลก ความสำเร็จนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของศิลปินไทยในสายตานานาชาติ แต่ยังตอกย้ำถึงศักยภาพอุตสาหกรรมดนตรีของไทยที่กำลังขยายตัวและได้รับการยอมรับในวงกว้างนอกจากนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับศิลปินรุ่นใหม่ในการพัฒนาผลงานเพื่อก้าวสู่ตลาดดนตรีระดับโลกในอนาคต

ความหลากหลายทางดนตรี ผสานเสน่ห์เฉพาะตัวของศิลปินไทยมัดใจผู้คนทั่วโลก

จากกระแสความนิยมที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้ศิลปินไทยเริ่มกลายเป็นที่จับตาต้องใจทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น มาจากการผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้งและหลากหลายแนว

ตั้งแต่เพลงป๊อป ฮิปฮอป ร็อค ไปจนถึงลูกทุ่ง หมอลำและดนตรีพื้นบ้าน อีกทั้งศิลปินไทยยังสามารถนำเสนอความเป็นไทยในรูปแบบที่ร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น เจฟ ซาเตอร์ ศิลปินที่มีเอกลักษณ์ในแนวเพลงหลากหลาย ทั้งป๊อป อาร์แอนด์บี และฮิปฮอป

T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave  ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์

โดยนำซาวด์ดนตรีที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวมาผสมผสานกับการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกในแต่ละบทเพลงอย่างลึกซึ้ง สร้างเสน่ห์ที่แตกต่างและดึงดูดใจผู้ฟังได้อย่างน่าประทับใจ หรือ มิลลิ ศิลปินฮิปฮอปสาวที่สามารถนำเสนอเนื้อหาที่มีความหมายและสะท้อนความเป็นตัวตนได้อย่างน่าสนใจ

รวมถึงบิวกิ้น-พีพี ที่มีเสียงร้องที่ทรงเสน่ห์ในเพลงป๊อปที่เข้าใจง่ายและติดหู หรือวงเกิร์ลกรุ๊ป T-Pop อย่าง 4 EVE ที่มีทั้งสไตล์การเต้นและการร้องที่โดดเด่น จนได้รับความนิยมจากผู้ฟังในทั้งในประเทศและต่างประเทศ และวงน้องใหม่ BUS ที่มีแนวเพลงป๊อปสุดชิคกับเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย 

หรือลำไย ไหทองคำ นักร้องลูกทุ่งสาวเสียงดีเต้นเก่ง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในตลาดเพลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ที่แสดงออกผ่านดนตรีเหล่านี้ ล้วนบ่งชี้ถึงศักยภาพของศิลปินไทยและวงการเพลงไทยในการรุกตลาดจนได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ

 

กระแสเพลงไทยดังไกลข้ามพรมแดน สะท้อนโอกาสใหม่ที่กำลังเติบโตในตลาดโลก

ความหลากหลายทางดนตรีและเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดใจผู้ฟังทั้งในและนอกประเทศ ศิลปินไทยไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติจนทำให้ต้องมาเยือนถึงถิ่นประเทศไทย

แต่ยังกลายเป็นที่จับตามอง จนไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดดนตรีต่างประเทศอีกด้วย เช่น ไพร่า (Pyra) ซึ่งเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้โชว์ความสามารถในเทศกาล Burning Man ที่สหรัฐอเมริกา และยังคว้ารางวัล Best Solo Act From Asia จาก BandLab NME Awards 2022 ที่อังกฤษ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าเสียงดนตรีของศิลปินไทยสามารถไปไกลถึงเวทีระดับโลกได้

T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave  ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์

นอกจากนี้เกิร์ลกรุ๊ปรุ่นใหม่อย่าง Pixxie ก็ได้รับความสนใจจากผู้จัดงานเทศกาลดนตรีในจีนอย่าง คุณเหมาเยว่เฟิง (Mao Yuefeng) จากบริษัท Modern Sky ที่อยู่เบื้องหลังการจัดเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่กว่าสิบงานทั่วประเทศจีน

ซึ่งเห็นถึงศักยภาพในการแสดงของ Pixxie และเชื่อว่าศิลปินไทยมีความสามารถในการตีตลาดในประเทศจีนอย่างดี โอกาสที่กำลังเปิดกว้างเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าอาจไม่ใช่แค่กระแสความนิยมชั่วคราวเท่านั้น แต่ศิลปินไทยสามารถยืนหยัดและเติบโตในตลาดดนตรีนานาชาติอย่างมั่นคงได้

 

ก้าวต่อไปของวงการเพลงไทย การเดินหน้าเต็มกำลังขยายกระแส Thai Music Wave สู่ทั่วโลก

ผลลัพธ์จากกระแสความนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่เริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจุบัน ทำให้เกิดการร่วมมือกันของผู้ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันและขับเคลื่อนเพื่อสานต่อความสำเร็จดังกล่าวให้เกิดความให้ยั่งยืน

เช่นเดียวกับที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย ได้ร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี จัดทำโครงการ Music Exchange ที่มาพร้อมกลยุทธ์ Push & Pull ที่เปิดโอกาสให้ศิลปินไทยได้แสดงบนเวทีต่างประเทศ

พร้อมเชิญชวนผู้จัด ผู้คัดเลือกศิลปิน เอเจนซี่ของเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ รวมถึงบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมดนตรี ทั้งในกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) สหภาพยุโรป (EU) และอเมริกาที่มีผลต่อการส่งออกศิลปิน เข้ามาเยี่ยมชมเทศกาลดนตรีของไทย (Business Visit) 

และจัดให้มีกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายและจับคู่ธุรกิจ (Business Matching and Networking) กับธุรกิจค่ายเพลงของไทย อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความแข็งแกร่งในการขยายกระแส Thai Music Wave สู่ตลาดโลก

T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave  ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์

ด้าน นายณฐพล ศรีจอมขวัญ กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินงานว่า โครงการ Music Exchange เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้ามาช่วยลดข้อจำกัดที่ค่ายเพลงและศิลปินเคยเผชิญ เช่น การต้องพึ่งพาคอนเน็กชันหรือการสร้าง Social Media เพื่อเข้าถึงตลาดต่างประเทศ

รวมถึงการลงทุนที่ไม่สามารถประเมินผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน โดยมองว่าหากโครงการมีการดำเนินงานต่อเนื่อง 3-5 ปี ต่อจากนี้ จะแสดงให้เห็นถึงภาพรวมของผลลัพธ์ที่มากขึ้นได้แน่นอน

สอดคล้องกับมุมมองของ นายพงศ์นรินทร์ อุลิศ รองประธานอนุกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคทเรดิโอ จำกัด กล่าวว่า ประโยชน์ของโครงการในแง่การสร้างโอกาสทางธุรกิจว่า โครงการ Music Exchange นี้เป็นกลไกสำคัญในการจับคู่ธุรกิจระดับนานาชาติ

T-Pop ปลุกกระแส Thai Music Wave  ดัน Soft Power ดนตรีไทยโกอินเตอร์

โดยการเชิญผู้จัดงาน ผู้คัดเลือกศิลปิน และเอเจนซี่เทศกาลดนตรีจากต่างประเทศมาดูงานในไทย ทำให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ศิลปินไทยได้แสดงความสามารถและสร้างเอกลักษณ์ในสายตาระดับนานาชาติได้สะดวกมากขึ้น

ทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับเชิญไปแสดงบนเวทีระดับโลก หากมีการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ในประเทศที่ศิลปินไปแสดงมากขึ้นควบคู่กันไป จะยิ่งช่วยเพิ่มการรับรู้และสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้วงการดนตรีไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวทีโลกได้

ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินงานดังกล่าวให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ในปี 2568 ทางคณะอนุกรรมการฯ ยังมุ่งมั่นปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์เพลงและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมดนตรีอย่างยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาบุคลากรและสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ฟังในประเทศ เพื่อเสริมสร้างตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และพร้อมขยายกระแส Thai Music Wave สู่ตลาดโลกอย่างมั่นคงต่อไป