สะดุ้ง! คอกาแฟเตรียมตัว กาแฟผง-กาแฟพร้อมดื่ม จ่อขึ้นราคา 5% มีผล 1 ก.พ. นี้

31 ม.ค. 2568 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2568 | 11:57 น.

อั้นไม่อยู่ สินค้าพาเหรดขึ้นราคา ถึงคิว กาแฟผง-กาแฟพร้อมดื่ม หลังราคาเมล็ดกาแฟในตลาดโลกปรับราคาสูงขึ้น จ่อขึ้นราคาเฉลี่ยกระป๋องละ 2 บาท กระทบชนชั้นแรงงาน ด้านร้านกาแฟรายย่อยแบกต้นทุนสูงลิ่ว ขึ้นราคาไม่ได้เหตุคู่แข่งสูง

ผู้บริโภคเตรียมใจ! ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ในประเทศไทยประกาศ รับราคาขายกาแฟผงสำเร็จรูปและกาแฟสำเร็จรูปบรรจุขวดขึ้นอีก 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ตลาดกาแฟผง-กาแฟพร้อมดื่ม ยักษ์ใหญ่จ่อข้นราคาเกิดจากปัญญาต้นน้ำอย่างต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงปัญญากลางน้ำปลายน้ำ อย่างต้นทุนแฝงทั้งหลายที่สูงขึ้นทั้งการขนส่ง ค่าแรง ต่าง ๆ ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องปรับราคาขายปลีกเพื่อรักษาอัตรากำไร

สะดุ้ง! คอกาแฟเตรียมตัว กาแฟผง-กาแฟพร้อมดื่ม จ่อขึ้นราคา 5% มีผล 1 ก.พ. นี้

จับตาดูหลังจากนี้ของแพงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเท่าสินค้าจะถูกเลือกซื้อน้อยลง กาแฟผง-กาแฟกระป๋อง กลุ่มลุกค้าหลักคือชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน ค่าแรงต่อวันก็ไม่เพียงพอให้ซื้อสินค้าบริโภค ส่งผลต่อภาวะสังคมเหลื่อมสูง ร้านกาแฟรายย่อยเองก็ผลกระทบทุนสูงขึ้นไม่สามารถขายในราคาสูงขึ้น เนื่องจากคู่แข่งในตลาดเยอะต้องรักษาฐานลูกค้า ผู้ประกอบการและผู้บริโภคต้องแบกรับความท้าทายรอบด้าน

“การปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคกาแฟของผู้บริโภคอย่างแน่นอน โดยผู้บริโภคอาจหันไปเลือกซื้อกาแฟที่มีราคาถูกกว่า หรือลดปริมาณการบริโภคลง สำหรับผู้ประกอบการร้านกาแฟ อาจต้องปรับราคาขายเครื่องดื่มกาแฟ เพื่อรักษาอัตรากำไร แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ราคาสูงเกินไปจนทำให้ลูกค้าหันไปหาทางเลือกอื่น"

ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ได้แจ้งปรับราคาขายปลีกกาแฟผงสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะที่กาแฟสำเร็จรูปบรรจุกระป๋องและบรรจุขวด ก็จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกระป๋องละ 2 บาท การปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

สะดุ้ง! คอกาแฟเตรียมตัว กาแฟผง-กาแฟพร้อมดื่ม จ่อขึ้นราคา 5% มีผล 1 ก.พ. นี้

นอกจากนี้ นายสมชายยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตกาแฟมักจะใช้วิธีการปรับราคาทีละน้อย เพื่อลดผลกระทบต่อยอดขาย และอาจมีการปรับลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลง เพื่อรักษาอัตรากำไร สำหรับสินค้าอื่นๆ เช่น ข้าวสารบรรจุถุง แม้ว่าราคาข้าวเปลือกในประเทศจะลดลง แต่ราคาระดับปลีกยังคงทรงตัว หรือปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลไกการตลาดที่ผู้ผลิตมักจะปรับราคาขึ้นง่ายกว่าการปรับราคาลง

ส่องราคาเมล็ดกาแฟตลาดโลกพุ่งทะยาน ผู้บริโภคไทยได้รับผลกระทบ

ภัยแล้งและสภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลกส่งผลให้ราคาเมล็ดกาแฟพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟอาราบิก้าซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก ราคาที่สูงขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคกาแฟรายใหญ่

จากรายงานของสำนักข่าว BBC ระบุว่า ราคาเมล็ดกาแฟอาราบิก้าพุ่งสูงขึ้นกว่า 80% ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซิลซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรง ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟลดลงอย่างมาก ผลผลิตกาแฟของบราซิลในปีการตลาด 2567/2568 คาดว่าจะลดลงแตะที่ 66.4 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 60 กิโลกรัม) ซึ่งรวมถึงเมล็ดกาแฟอาราบิก้า 45.4 ล้านกระสอบ และโรบัสต้า 21 ล้านกระสอบ

ประเทศไทยซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคกาแฟรายใหญ่ ก็ได้รับผลกระทบจากราคาเมล็ดกาแฟที่พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แม้ว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตกาแฟได้เองบางส่วน แต่ปริมาณการผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดภายในประเทศ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

การนำเข้ากาแฟดิบในปริมาณมาก เพื่อบริโภคในประเทศและแปรรูปส่งออกเป็นกาแฟสำเร็จรูป โดยการส่งออกกาแฟไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ปี 2566 มีมูลค่าการส่งออกกาแฟ 125.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.59% เมื่อเทียบกับปี 2565 (108.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งเป็นกาแฟดิบ 2.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณ 255.18 ตัน กาแฟคั่ว 2.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณ 243.23 ตัน กาแฟสำเร็จรูป 120.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณ 24,517.72 ตัน

แม้ว่าราคาเมล็ดกาแฟจะสูงขึ้น แต่การส่งออกกาแฟของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟสำเร็จรูป ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมกาแฟแปรรูปของไทย