นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า
ในการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ภาครัฐได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายแล้วรวมทั้งสิ้น 14,450,168 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.19 ของกลุ่มเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ทำให้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 144,501.68 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ได้รับสิทธิในโครงการ จำนวนตัวอย่าง 31,500 ราย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า กลุ่มเป้าหมายมีการแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาท ไปกับการใช้จ่ายของครัวเรือนเป็นหลักกว่าร้อยละ 75
โดยมีการใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่
1) ซื้ออาหารและเครื่องดื่ม
2) ซื้อของใช้ในครัวเรือน
3) ชำระค่าสาธารณูปโภค
ในขณะที่สถานที่ที่นำเงิน 10,000 บาท ไปใช้จ่าย 3 อันดับแรก ได้แก่
1) ร้านค้าในชุมชน/ร้านขายของชำ
2) หาบเร่ แผงลอยทั่วไป/ในตลาด
3) ร้านสะดวกซื้อ/มินิมาร์ททั่วไป
“สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของการดำเนินโครงการฯ ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการบรรเทาภาระค่าครองชีพและเพิ่มศักยภาพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2567“