จากกรณีที่บอร์ดทอท.มีมติตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ไฟเขียวมาตรการให้ AOT ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการและสายการบินจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีโครงการขยายระยะเวลาชำระเงินของผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์และสายการบิน ณ ท่าอากาศยานของทอท.ทั้ง 6 แห่งที่ขาดสภาพคล่อง
โดยหนึ่งในผู้ประกอบการ ที่ได้แจ้งเจตจำนงค์ดังกล่าว คือ King Power ซึ่งขอเลื่อนจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ ออกไปอีก 18 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค 2567– ก.พ. 2568 นั้น
ต่อเรื่องนี้นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้างชำระจ่ายค่าตอบแทนให้กับทอท.รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท
โดยในจำนวนนี้เป็นของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ที่เป็นคู่สัญญาประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) มียอดค้างจ่าย
จำนวน 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ผู้ประกอบการทุกรายที่เข้าร่วมโครงการจะต้องยื่นเสนอและเข้าเจรจา นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป และต้องมีหลักประกันสัญญาและวงเงินของหลักประกันสัญญาต้องครอบคลุมเงินต้นรวมกับค่าปรับจากการผิดนัดชำระในอัตราดอกเบี้ย 18%
ผู้ประกอบการคู่สัญญาของทอท.มีปัญหาสภาพคล่องมาตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 ซึ่งทางคิงเพาเวอร์ฯ ได้ยื่นเสนอขอเจรจาลดค่าปรับกรณีจ่ายค่าตอบแทนล่าช้า ซึ่งตามสัญญากำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับล่าช้าจะอยู่ที่ 18% ต่อปี หรือ 1.5% ต่อเดือน โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลดดอกเบี้ยค่าปรับ ซึ่งจะไม่ต่ำกว่า MLR+2%
โดยอัตราดอกเบี้ย คำนวนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่ง และบวกเพิ่มอีก 2% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะต้องไม่น้อยกว่าต้นทุนทางการเงิน ของทอท. ที่ประมาณ 3% ซึ่งกรณี MLR+2% ไม่กระทบต่อต้นทุนทางการเงินของทอท.
การปรับลดดอกเบี้ยค่าปรับดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของทอท. เพราะทอท.จะยังคงได้รับรายได้เหมือนเดิม หลักการของทอท.คือต้องพยายามทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เป็นการดำเนินธุรกิจปกติ ทั่วโลกเป็นเหมือนกันผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีหลายรายก็มีปัญหาสภาพคล่อง
ส่วนทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องยึดมั่นในสัญญาไม่สามารถเจรจาเพิ่มเติมได้ ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขสัญญาแต่อย่างใด