นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา โดยมีนโยบายสำคัญที่จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตามความจำเป็นของตน ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มเติม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้การดำเนินโครงการฯ จะช่วยส่งเสริมความอยู่ดีมีสุข (Well-being) ของผู้สูงอายุที่ดีขึ้นอย่างรอบด้าน
โดยมีสาระสำคัญของโครงการฯ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์: เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
2. กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้
ทั้งนี้ ประมาณการจำนวนกลุ่มเป้าหมาย จำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน สำหรับการดำเนินการโครงการฯ กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะเริ่มทยอยจ่ายเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยจะเร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนของกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง และเมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
ขณะเดียวกัน คาดว่าการดำเนินโครงการฯ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07 - 0.1 ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ
“ขอให้กลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ ดำเนินการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่หรือหากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ขอให้ดำเนินการผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิตามโครงการฯ”