รัฐบาลเคาะเงินอุดหนุนเด็ก เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-พิการ แบบถ้วนหน้า

29 พ.ย. 2567 | 14:50 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2567 | 14:55 น.
32.2 k

ครม.สัญจร เชียงใหม่ มีมติเห็นชอบการจัดสรรเงินอุดหนุนเด็ก ตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน-6 ปี ให้คนละ 600บาท รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได และเบี้ยความพิการ 1,000 บาท แบบถ้วนหน้า

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฃ เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.สัญจร เห็นชอบข้อเสนอการพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการจัดสรรเงินอุดหนุนเด็ก รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได และเบี้ยความพิการ แบบถ้วนหน้า

สาระสำคัญของข้อเสนอการพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แยกตามกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มเด็กและเยาวชน  

ปรับฐานกลุ่มเป้าหมายโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นการให้เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้าโดยไม่ต้องมีการคัดกรองรายได้ของครอบครัว (เดิมครัวเรือนต้องมีสมาชิกที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี) เพื่อให้ครอบคลุมและทำให้เด็กได้รับความช่วยเหลือแบบถ้วนหน้า ไม่ตกหล่น และขยายอายุของเด็กให้ครอบคลุม

เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 6 ปี (เดิมตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ปี) ได้รับเงินในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน (เท่าเดิม) เพื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ครอบครัวจะมีรายได้ลดลง

พัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย โดยปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับการศึกษา เพื่อขยายระยะเวลาให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา เป็นเวลา 15 ปี รวมถึงการพัฒนาการการศึกษาทั้งในส่วนของหลักสูตร และการเรียน การสอนให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างหลากหลายและมีคุณภาพมากขึ้นอีกทั้งในกรณีเด็กที่หลุดออกจากระบบในช่วงส่งต่อการศึกษา ควรมีสวัสดิการในการแนะแนวอาชีพและให้คำปรึกษา 

กลุ่มผู้สูงอายุ 

ปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได อายุ 60-69 ปี เดือนละ 700 บาท อายุ 70-79 ปี เดือนละ 850 บาท อายุ 80-89 ปี เดือนละ 1,000 บาท และตั้งแต่อายุ 90 ปีขึ้นไปเดือนละ 1,250 บาท เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของผู้สูงอายุในสถานการณ์ปัจจุบัน อีกทั้งมีการส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ของชุมชน และส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานผู้สูงอายุที่เหมาะสม 

กลุ่มคนพิการ 

ปรับเบี้ยความพิการให้สอดคล้องกับค่าครองชีพเป็น 1,000 บาทแบบถ้วนหน้า โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการนำคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ สามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม , การส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนพิการเพิ่มมากขึ้น และ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนพิการ

กลุ่มแรงงาน 

ยกระดับการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและขยายสิทธิประกันสังคมที่ตรงตามความต้องการของแรงงานนอกระบบ และการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ ยกระดับทักษะ เทคโนโลยีสารสนเทศและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องดิจิทัล เพื่อให้การทำงานของลูกจ้างตอบสนองต่อความต้องการของสถานประกอบกิจการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

สวัสดิการสำหรับครอบครัว 

พัฒนาแนวทางสวัสดิการบริการสนับสนุนครอบครัว โดยให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการที่เหมาะสมกับรูปแบบของครอบครัวที่แตกต่างกัน และออกแบบสวัสดิการที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของครอบครัวแต่ละประเภท เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าถึง ได้รับสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น