น้ำท่วม-เศรษฐกิจฟื้นช้า ฉุดดัชนีความเชื่อมั่น ก.ย. ต่ำสุดรอบ 17 เดือน

10 ต.ค. 2567 | 13:14 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2567 | 14:11 น.

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน กันยายน 67 ร่วงเป็นเดือนที่ 7 ต่ำสุดในรอบ 17 เดือน เหตุผู้บริโภคไม่มั่นใจเศรษฐกิจ แม้จะมีมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท แต่ต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม

วันนี้ ( 10 ตุลาคม 2567 ) นายวาทิตร รักษ์ธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน กันยายน 2567 ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 48.8 จากเดือน สิงหาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 50.2 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นมา

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 48.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 52.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 64.4

โดยปัจจัยลบในเดือน กันยายน  2567 มาจาก 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 

  1. ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือ แฃะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร
  2. ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
  3. ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดยื้อ ทั้งสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหง่างอิสราเอล กับขบวนการฮามาส
  4. เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับ 34.755 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เป็น 33.356 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ทำให้มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก

ทั้งนื้ ก็มีปัจจัยบวก เรื่องรัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเปราะบางรวม 14.55 ล้านคน ขณะที่มติเห็นชอบขยายเวลาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ไว้ที่ 7% ต่ออีก 1 ปี เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากเปิดประเทศยกเว้นยื่นวีซ่านักท่องเที่ยว ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายตัวปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อในต่างประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ Set Index ในเดือนกันยายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 89.76 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,359.07 ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 เป็น 1,448.83 ณ สิ้นเดือนกันยายน

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง รงมถึงสงครามรัฐเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยึดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ขณะที่ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 40.4 เป็น 39.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 64.3 มาอยู่ที่ระดับ 63.1 การที่ศัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่อเป็นเดือนที่ 7 ทุกรายการ แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ แม้ว่าจะมีมาตรการแจกเงินคนละ 10,000 บาทออกมาแล้วก็ตาม เนื่องจากสถาการณ์น้ำท่วมทำให้ภาพบรรยากาศการใช้จ่ายไม่คึกคัก

อย่างไรก็ตาม จากประเมินสถานการณ์อุทกภัยปี 2567 คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่าประมาณ 36,929 ล้านบาท โดยมีสมมติฐานว่าสถานการณ์จะคลี่คลายภายใน 15 วัน จากการวิเคราะห์พบว่าการภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด คิดเป็น 74.3% รองลงมาคือ ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม มูลค่าความเสียหายนี้คิดเป็น 0.21% ของ GDP ภาพรวมมี 36 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบโดยเชียงรายเสียหายมากที่สุด รองลงมาคือ เชียงใหม่ และพะเยา