“พิมพ์ภัทรา” จ่อเรียก "TEMU" ถกแก้ปมสินค้าไร้มาตรฐานราคาถูกทะลักเข้าไทย

14 ส.ค. 2567 | 15:46 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2567 | 15:47 น.

“พิมพ์ภัทรา” จ่อเรียก "TEMU" ถกแก้ปมสินค้าไร้มาตรฐานราคาถูกทะลักเข้าไทย ระบุเพื่อให้เป็นกติกาเดียวกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชอื่น ชี้การซื้อของดีราคาถูกไม่ใช่เรื่องผิด แต่ของก็ต้องมีคุณภาพด้วย

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงข้อกังวลคนไทยกรณีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างชาติเข้ามาตีตลาดสินค้าไทย จนส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานว่า อาจต้องเชิญแพลตฟอร์มข้ามชาติ เช่น TEMU (ทีมู) มาร่วมหารือ เพื่อให้เป็นกติกาเดียวกับที่ก่อนหน้านี้ที่ได้เชิญแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชอื่นมาหารือ

ทั้งนี้ ต้องเรียนว่าการซื้อของดีราคาถูก ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ของก็ต้องมีคุณภาพด้วย อันไหนต้องมีมาตรฐาน ก็ต้องออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือมอก. ต่อไป
 

กระทรวงฯอาจจะต้องเชิญ TEMU มาคุย แม้ว่าจะค่อนข้างยาก แต่ก็ต้องพยายาม เพราะต้องช่วยเอสเอ็มอี (SMEs) ของไทย อย่างที่เอกชนขอให้มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ 5-20% กระทรวงฯก็ต้องเริ่มทำ

“พิมพ์ภัทรา” จ่อเรียก "TEMU" ถกแก้ปมสินค้าไร้มาตรฐานราคาถูกทะลักเข้าไทย

โดยปี 67 เป็นปีที่ท้าทายและหนักมาก ด้วยสินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทย แต่เมื่อเข้ามาก็ต้องอยู่ให้ได้ และจำเป็นที่ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ด้วย เพราะไทยเองก็มีส่งออกผักผลไม้ไปจีนเช่นกัน ดังนั้นการจะมีมาตรการอะไรต้องไม่กระทบการค้าระหว่างกัน 

อย่างไรก็ดี ล่าสุดได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่สมอ. ควบคุม ทั้ง 144 รายการ ที่สมอ. สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
 

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่าขณะนี้สินค้าไทย 23 กลุ่มอุตสาหกรรม จาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพ ราคาถูกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ โดยเฉพาะผู้ประกอบเอสเอ็มอี เห็นได้จากยอดปิดโรงงาน 6 เดือนของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.2567) มีจำนวน 667 แห่ง 

ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเอสเอ็มอีเกือบ 100% ที่ปิดกิจการเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเร่งตัวขึ้น 86% หากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีมาตรการป้องกัน ก็เป็นห่วงว่าครึ่งหลังของปีนี้จะเห็นเอสเอ็มมากกว่า 30 กลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับกระทบกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน