กบข.เชื่อหุ้นไทยยังแกร่ง แม้หลุด 1,300 จุด แนะลงทุนเน้นปันผล

17 มิ.ย. 2567 | 15:57 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2567 | 19:16 น.

กบข.เชื่อหุ้นไทยยังแกร่ง ชี้หลุด 1,300 จุด ไม่ได้แปลว่าไม่มีเสน่ห์ แนะลงทุนเน้นปันผล แทนเก็งกำไรส่วนราคา ฝั่งกองทุนเน้นกระจายพอร์ตลงทุน

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวในงานสัมนาหุ้นไทย 2024 with the Dragon Fire "Discover new opportunities" หัวข้อเรื่อง Discover new opportunities ทลายกำแพงการลงทุน จัดโดยฐานเศรษฐกิจ ว่า ดัชนีหุ้นไทยย้อนหลัง เราเคยเห็นวัฎจักรมาแล้ว ตั้งแต่ 400-1,800 จุด ซึ่งขณะนี้หุ้นไทยต่ำกว่า 1,300 จุด เรียนว่า ดัชนีราคาตลาดหุ้นเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่นักลงทุนมักจะใช้ในการดูกราฟ ยอมรับว่า ตลาดไทยมีการตีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับต้นทุน

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

ทั้งนี้ หมายความว่า ถ้าเราซื้อหุ้นไทยตอนนี้ผลตอบแทนโดยรวมยังมีแนวโน้มอยู่ตัว และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น หากเปรียบเทียบองค์ประกอบที่อยู่ในหุ้นไทย และองค์ประกอบหุ้นต่างประเทศ เรามีอุตสาหกรรมที่ดีอยู่ ทั้งการเงิน คอนซูมเมอร์ เป็นต้น ส่วนหุ้นต่างประเทศจะเป็นหุ้นเทคเยอะ

“การจะเลือกลงทุนหุ้นที่ตลาดไหน จะต้องดูว่ามีการเติบโตหรือไม่  และดูทิศทางการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบการเติบโตในเอเชีย ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้เติบโตมาก แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยเราที่ต่ำกว่า 1,300 จุด ไม่ได้แปลว่าตลาดหุ้นเราไม่มีเสน่ห์ เชื่อว่า ปีนี้ทั้งปีการ Downgrade ของหุ้นไทยจบลงแล้ว จากผลประกอบการที่มีอยู่ปัจจุบันหุ้นไทยเริ่มปรับฐานขึ้น“

นายทรงพล กล่าวต่อว่า  ปัจจุบันหุ้นไทยไม่ได้แพง เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่สินทรัพย์ที่อยู่ในตลาดเริ่มดีขึ้น และการที่เรามอง SET Index จะต้องขึ้นเสมอไปอาจจะไม่ใช่คำตอบที่เดียวที่เราจะต้องรู้ 

“หากราคาหุ้นขึ้นเราก็ได้กำไรส่วนราคา แต่หากราคาไม่เปลี่ยนแปลง เราได้ผลตอบแทน Yield เปรียบเสมือนเราฝากเงินเราได้ดอกเบี้ย แต่เราซื้อหุ้น หากราคาหุ้นไม่ไปเราก็ได้เงินปันผล ซึ่งหุ้นไทยยังได้ผลตอบแทนปันผลที่ดี ซึ่งการเหมาเข่ง SET Index เพียงอย่างเดียว เมื่อเปรียบเทียบหุ้นรายตัว โดยไม่ได้ดู Yield อาจจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม”

ทั้งนี้ การที่จะฝ่ามังกรไฟในปีนี้ ไม่ต้องใส่เสื้อเกราะ แต่ต้องมีตาที่สว่าง และมีสติ ไปสู่การค้นหาข้อมูลที่เรามีให้เหมาะสม ฉะนั้น ในมุมตลาดหุ้นไทย มองว่า ยังมีหุ้นที่แข็งแรง ตลาดหุ้นไทยไม่ได้แย่ มีการสะสมความสามารถมาในช่วง 10-15 ปีในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

ขณะที่ กบข.นั้น ได้มีการลงทุนโดยกระจายพอร์ตการลงทุน ตั้งเป้าหมายการลงทุนระยะยาวผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี บวกเพิ่มอีก 2% โดยเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ 60% และที่เหลือเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ตลาดทุน ทั้งหุ้นในประเทศและต่างประเทศ 

ส่วนโอกาสในการลงทุนนั้น ต้องรู้ตัวเองตั้งแต่ต้นว่าเราเป็นนักลงทุนประเภทใด เริ่มจาก 1. การจัดสินทรัพย์ของตัวเอง 2. หวังผลตอบแทนจากอะไรบ้าง 3. ปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนจากนี้ไปถึงสิ้นปี 4. จากนี้ไปจนถึงเวลาที่เรามองจะมีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้นบ้าง