บูม!อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเล พังงาคิกออฟอัพสกิลแรงงาน รับไฮซีซัน

นายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา  และที่ปรึกษาสามัญประจำคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฏร  เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวทางทะเลขาดแคลนว่า   สืบเนื่องจากจังหวัดพังงาและจังหวัดอันดามันมีปัญหาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่เพียงพอ เพราะไม่มีมหาวิทยาลัย  ไม่หลักสูตรการศึกษาที่จะรองรับด้านท่องเที่ยวได้มากพอ  บางครั้งบุคลากรที่มาฝึกงานในพื้นที่พังงา เมื่อจบแล้วก็จะกลับไปจังหวัดของเขา

สำหรับบุคลากรที่ขาดแคลนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเล  อาทิ การซ่อมเรือ  การขับเรือ เด็กเรือ กัปตัน หรืออุตสาหกรรมอื่นที่เฉพาะเจาะจง ทำให้เห็นถึงปัญหา และมีการแย่งแรงงานกัน เช่นธุรกิจโรงแรม จะประกาศเซอร์วิสชาร์จสูง คนก็จะแห่เข้าทำงานในอุตสาหกรรมโรงแรม  ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาพใหญ่ เช่น คนขับรถ แม่บ้าน มัคคุเทศก์ ขาดแคลนมาก  โดยช่วงไฮซีซันที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าบุคลากรไม่พอที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ทำให้คุณภาพและศักยภาพของภาพลักษณ์ การท่องเที่ยวไม่ค่อยดีเท่าใดนัก 

นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวอีกว่า จากปัญหาดังกล่าวตนเองได้เข้าพบนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาคนตกงานและว่างงานทั่วประเทศ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เข้ามาอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  จะช่วยโดยการพัฒนาฝีมือแรงงาน ทั้ง "การรีสกิล อัพสกิล และนิวสกิล" โดยเฉพาะนิวสกิล ที่ขณะนี้ไม่มีหลักสูตรที่ไหนสอน เช่น ซ่อมเครื่องเรือสปีดโบ๊ท  ในอุตสาหกรรมเรือสปีดโบ๊ท มีหลายพันลำ  คือรายได้มหาศาลที่เราต้องการให้คนมาดูแล และซ่อม แต่คนเข้าถึงเทคนิคและกระบวนการไม่ค่อยมี  เหมือนเป็นแรงงานที่รายได้ดีมาก แต่ความต้องการสูง แต่ไม่มีคนเข้ามารองรับ  

หลังจากได้หารือกับรัฐมนตรีแรงงานแล้ว รัฐมนตรีฯมีคำสั่งออกมาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ระนองว่า ให้พัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 1 แสนอัตรา  เพื่อรองรับอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยนำเรื่อง“การรีสกิล อัพสกิล และนิวสกิล” ทั้ง 3 ตัวมาดำเนินการ นับว่าเป็นเรื่องดีที่กระทรวงแรงงานมาช่วยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  

นอกจากนั้น รมว.แรงงาน มีคำสั่งให้จัดหลักสูตรเฉพาะที่มีความต้องการในพื้นที่ (พังงา) ที่มีความต้องการมาก แต่ไม่มีคนสอนในบางเรื่องที่เรายังขาดศักยภาพในการพัฒนาต่อไป   ซึ่งตนพยายามติดตามเรื่องการหาหลักสูตร แต่ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณ คาดว่าช่วงกรกฎาคม -กันยายน นี้ น่าจะได้ทราบความคืบหน้า แต่เบื้องต้นมีผู้บริหารระดับผู้อำนวยการของกระทรวงแรงงาน ได้ลงพื้นที่เพื่อคิดหลักสูตรที่สามารถใช้เหมือนกันได้ทั่วประเทศแล้ว  ซึ่งทางพื้นที่คาดหวังที่จะให้มีการอนุมัติเรื่องการอบรมแรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเล

นายเลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่าขณะนี้ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา  ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานพังงา ได้จัดฝึกอบรมยกระดับฝีมือแรงงาน  ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ  กิจกรรม พัฒนาศักยภาพแรงงานรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคุณค่า โดยกำหนดจัดฝึกอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลักสูตรการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์เรือสปิดโบ๊ท 30 ชั่วโมง รุ่นที่ 1 โดยฝึกอบรมระหว่างวันที่ 15 - 18 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ท่าเรือว้าวอันตามัน ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

โดยช่วงนี้จะคิกออฟพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลักสูตรการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์เรือสปีดโบ๊ทไปก่อน เบื้องต้นทางจังหวัดมีขีดจำกัดในการอบรมบุคลากร จะได้รอบละ 20-30 คน ยังไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งพังงาเป็นจังหวัดแรกๆที่จะมีการคิกออฟให้กระทรวงแรงงานมาช่วยเรื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเล

"อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเลมีมูลค่าสูงมากในอนาคต  ยิ่งถ้าพูดถึง "โครงการแลนด์บริดจ์" คนไทยยังไม่เข้าใจเรื่องอุตสาหกรรมทางทะเลมากนัก ขณะที่บุคลากรที่จะซ่อมเรือ ทาสีเรือ หลายสิ่งที่เกี่ยวกับเรือ เราต้องพึ่งต่างชาติ ที่ผ่านมาเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อยู่บนบก แต่ในครั้งนี้เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเลที่มีมูลค่าสูง และขาดบุคลากรมาก  ในอนาคตถ้าไทยมีบุคลากรที่มีความพร้อม โอกาสที่จะมีอู่ต่อเรือ เพื่อรองรับโครงการแลนด์บริดจ์  ย่อมหมายความว่า การท่องเที่ยวทางทะเลยังสว่างไสว และเป็นโอกาสของประเทศไทย แต่ที่น่าห่วงคือ บุคลากรเรายังตามหลังโอกาสอยู่นั้นเอง"

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวพังงา  ในเดือนมกราคม - เมษายน ปี 2567  มีผู้เยี่ยมเยือนทั้งหมด จำนวน 1,316,41 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเตียวกันของปีที่ผ่านมา (ร้อยละ 41,78) ในจำนวนนี้เป็นผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 398,650 คน และเป็นผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ 917,691 คน สร้างรายได้ให้กับจังหวัด มูลค่ากว่า15,373.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น (ร้อยละ 61.44) คิดเป็นรายใด้จากชาวไทย 1,895.07 ล้านบาท และรายได้จากชาวต่างชาติ 13,978.60 ล้านบาท

ในด้านการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ผู้เยี่ยมเยือนโดยรวมมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 5,500 บาท/คน/วัน โดยผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,200 บาท/คน/วัน และผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6,500 บาท/คน/วัน โดยใช้โครงสร้างการใช้จ่ายของปี 2566 ในช่วงเวลาเดียวกัน