เครือข่ายกัญชา ยื่นค้าน "สมศักดิ์" นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด 

16 พ.ค. 2567 | 16:45 น.
อัปเดตล่าสุด :16 พ.ค. 2567 | 16:46 น.
810

เครือข่ายกัญชา บุก สธ. ยื่นหนังสือ "สมศักดิ์" คัดค้านรัฐบาลนำกลับเป็นยาเสพติด ขีดเส้น 15 วัน จี้เปิดข้อมูลเปรียบเทียบโทษ กัญชา เหล้าและบุหรี่ พร้อมจัดทำข้อมูลเชิงระบบ เรียกร้องตั้งกรรมการภายใน 3 เดือน ประกาศบุกทำเนียบ 28 พ.ค.นี้

16 พฤษภาคม 2567 เครือข่ายกัญชาเกือบ 100 คนนำโดยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกรณีการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดโดยมีข้อเสนอ ดังนี้

1.กัญชาควรควบคุมด้วยกฎหมายรูปแบบไหน ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ กัญชา สามารถควบคุมโดยการออกกฎหมายระดับสูงสุดเพื่อควบคุมเชิงระบบให้มีประสิทธิภาพซึ่งก็คือ กฎหมาย "พระราชบัญญัติกัญชา" หรือ จะควบคุมโดยกฎหมาย "ยาเสพติด" การควบคุมด้วยกฎหมายทั้ง 2 รูปแบบมีความแตกต่างกัน คือ

แบบแรก คือ การควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด เท่ากับเอากัญชาไปขังคุกและจะทำกติกาให้กลุ่มเฉพาะเท่านั้นที่ปลูกได้เพื่อรองรับมูลค่ากัญชาหลายหมื่นล้านบาท

เครือข่ายกัญชา ยื่นค้าน \"สมศักดิ์\" นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด 

"การควบคุมด้วยกฎหมายยาเสพติด คือ การปิดโอกาสในการใช้ประโยชน์ของประชาชนและการควบคุมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคก็จะกระทำไม่ได้เพราะจะเกิดกัญชาใต้ดินเต็มไปหมดและนี่คือเหตุผลที่ประเทศเยอรมนีเลือกใช้กฎหมายปกติในการควบคุมเพราะมีประสิทธิภาพมากกว่า" นายประสิทธิ์ชัย กล่าว 

แบบที่สอง คือ การควบคุมโดยกฎหมายพระราชบัญญัติ มีเป้าหมายสำคัญ คือ การควบคุมเพื่อดึงข้อดีมาใช้และควบคุมข้อเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติสามารถวางรากฐานการพัฒนาเชิงระบบทั้งการผลิต แปรรูป วิจัยและพัฒนา

อีกทั้งจะสามารถออกแบบกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปและรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ได้

เครือข่ายกัญชา ยื่นค้าน \"สมศักดิ์\" นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด 

การที่รัฐบาลจะนำกัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดเท่ากับแสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่า ไม่ต้องการกลไกที่มีประสิทธิภาพแต่ต้องการกลไกที่สามารถใช้อำนาจควบคุมและทำให้การปลูกกัญชาอยู่ในกลุ่มของตัวเองและกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคการเมือง

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยและภาคีจึงเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า กระบวนการจัดทำนโยบาย กัญชาต้องควบคุมด้วยกฎหมายที่มีประสิทธิภาพคือพระราชบัญญัติ

2.มีข้อเท็จจริงใหม่อันใดที่ร้ายแรงอย่างยิ่งจึงต้องเอากัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด 

ทั้งนี้ ทั้งที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของกรรมการทุกชุดและผ่านความเห็นชอบในหลักการของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้วว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ฉะนั้น การนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดต้องมีข้อเท็จจริงใหม่โดยขอให้ยึดถืองานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ อย่าเอาข้อมูลที่ "มโนเอาเอง" มาใส่ในการเปรียบเทียบครั้งนี้

3.ตามคำสั่งของนายกฯ อ้างคำสัมภาษณ์ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า คำสั่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้หมายถึงให้เอากลับไปเป็นยาเสพติดแต่ให้ไปศึกษาว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเกิดผลดีผลเสียอย่างไร หากมีผลเสียมากกว่าก็ให้นำกลับไปสู่บัญชียาเสพติด หากไม่ได้มีผลเสียหายอะไรก็ไม่ต้องนำกลับไป

เครือข่ายกัญชา ยื่นค้าน \"สมศักดิ์\" นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด 

ขอเสนอให้ตั้งกรรมการร่วมขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อจัดทำข้อมูลกัญชาเชิงระบบและนำข้อมูลนั้นมาตัดสินใจในการกำหนดนโยบายกัญชา กรรมการร่วมดังกล่าวจะต้อง ประกอบด้วย ภาครัฐ ภาคประชาชน ภาควิชาการ และจะต้องนำเสนอข้อมูลนี้ต่อสาธารณะให้รับทราบโดยทั่วกัน

เครือข่ายฯ ขอให้กระทรวงปฏิบัติตามกำหนดเวลาในการจัดทำข้อเท็จจริงโดยเปรียบเทียบระหว่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ กัญชา โดยขอให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 

นอกจากนี้ยังต้องทำข้อมูลกัญชาเชิงระบบโดยกรรมการร่วมที่จัดตั้งขึ้นให้ดำเนินการภายใน 3 เดือน โดยระยะเวลาดังกล่าวยังอยู่ในขอบเขตภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการได้ข้อมูลและไม่ล่าช้าจนเกินไปในการดำเนินการให้มีกฎหมายควบคุมกัญชา

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า เครือข่ายกัญชา จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 28 พ.ค.นี้