วันวาเลนไทน์ 2567 ไขข้อสงสัยทำไม 14 กุมภาพันธ์ ถึงเป็นวันแห่งความรัก

12 ก.พ. 2567 | 12:08 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2567 | 12:16 น.
6.9 k

วันวาเลนไทน์ 2567 ไขข้อสงสัยทำไม 14 กุมภาพันธ์ ถึงเป็นวันแห่งความรัก พร้อมประวัติความเป็นมา มีความหมายอย่างไร ทำไมทั่วโลกถึงให้ความสำคัญในวันนี้

วันวาเลนไทน์ 2567  วันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันวาเลนไทน์ คู่รัก จะให้ความสำคัญกับวันดังกล่าว

วันวาเลนไทน์ 2567 ไขข้อสงสัยทำไมต้อง 14 กุมภาพันธ์

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็น “วันแห่งความรัก” หรือ Valentine’s Day สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ คือ คิวปิด หรือ กามเทพ คิวปิด เป็นบุตรของวีนัส และ มาร์ส แต่ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของคิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จักก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักกลางใจคน ปัจจุบันคิวปิดและธนู เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ภาพจำของ คิวปิด คือ ศรรักคิวปิด

 

วาเลนไทน์ 2567 ประวัติ

วันวาเลนไทน์  จุดกำเนิดในยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุด  เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่ เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน

นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิงในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และ ทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนมีความทุกข์ใจ

นักบุญ “เซนต์วาเลนไทน์” แจ้งเกิดวันแห่งความรัก

ในช่วงระหว่างนั้นเอง มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือ วาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรมได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่  เพราะความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ ถูกจับ  แม้จะถูกจับแต่ “เซนต์วาเลนไทน์” ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ขณะที่เป็นนักโทษ

วันวาเลนไทน์ 2567

 

เปิดเหตุผล “เซนต์วาเลนไทน์” เขียนการ์ดอวยพร จนไปสู่วันวาเลนไทน์

เหตุผลที่ เซ็นต์วาเลนไทน์ เขียนคำอวยพร เป็นเพราะได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อ จูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตด้วยการถูกตัดศีรษะ ได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึง จูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine" โดยเซ็นต์วาเลนไทน์ เสียชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 (หรือ พ.ศ.813)  หลังจากนั้นศพของ เซ็นต์วาเลนไทน์ ได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม  ส่วน จูเลีย ได้ปลูกต้นอามันต์ หรือ อัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัสผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพอันสวยงาม ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่าในช่วงยุคกลาง วาเลนไทน์นับเป็นนักบุญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส

ต่อมานักบวชในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก และดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วันวาเลนไทน์ คู่รักหลายคู่ เลือกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแต่งงาน วันจดทะเบียนสมรส ขอหมั้น เป็นต้น.