นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 รับทราบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้คงค้างกับสถาบันการเงินเป็นระยะเวลานาน โดยบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) (Joint Venture Asset Management Company : JV AMC) ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ
ซึ่งจะทำให้แบงก์รัฐสามารถร่วมลงทุนจัดตั้ง บบส. และโอนหนี้บางส่วนของแบงก์รัฐไปยัง JV AMC และเพิ่มความคล่องตัวในการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือตัดหนี้บางส่วนให้กับลูกหนี้ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างการพิจารณาออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมการร่วมลงทุนของแบงก์รัฐ และ บบส. ในการจัดตั้ง JV AMC โดยคาดว่าจะสามารถออกประกาศได้ภายในเดือนมกราคม 2567
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างการหารือเพื่อร่วมทุนจัดตั้ง JV AMC กับ บบส. ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความสนใจร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้ง JV AMC ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567 โดยในระยะแรกจะเริ่มช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารออมสินก่อน และจะขยายความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของแบงก์รัฐอื่นในระยะต่อไป
“กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ของแบงก์รัฐ มีความคล่องตัวและความยืดหยุ่นมากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขหนี้ทั้งระบบอย่างบูรณาการให้กับประชาชนทุกกลุ่มทั้งภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน”
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงการคลังที่มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจดูแลและช่วยเหลือประชาชนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน ปัจจุบัน ธนาคารออมสินได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) จากเดิม 6.995% เหลือ 6.845%ต่อปี ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกหนี้ตามนโยบายดังกล่าว