วันนี้ (26 ธันวาคม 2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยที่ประชุมเห็นชอบ การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ มูลค่าการลงทุนประมาณ 534,985 ล้านบาท
โดยประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษประเภทเพื่อกิจการพิเศษ บนพื้นที่พัฒนาระยะที่ 1 ประมาณ 5,795 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 14,619 ไร่ ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ดิจิทัล การบินและโลจิสติกส์ การแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและเชิงสุขภาพ ศูนย์สำนักงานใหญ่ภูมิภาคและศูนย์ราชการสำคัญ ศูนย์บริการทางการเงิน ศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้านและบริการอื่นๆ กิจการพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย
โดยมีแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ผสมผสานระหว่าง ธรรมชาติ วิถีชีวิต นวัตกรรม และการออกแบบที่เน้นความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสอดคล้องกับอนาคต
สำหรับศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะสามารถรองรับคนอยู่อาศัยได้กว่า 350,000 คน คาดว่าจะเกิดการสร้างงานทางตรงไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง สร้างแรงงานทักษะสูง มีรายได้สูงขึ้น เกิดมูลค่าการจ้างงานกว่า 1.2 ล้านล้านบาท มีกลุ่ม Startup ในธุรกิจและบริการล้ำสมัย ประมาณ 150 – 300 กิจการ สามารถกระตุ้นการขยายตัวของ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านล้านบาท ภายใน 10 ปี และเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2580
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กพอ. เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ... เพื่อนำเสนอต่อ ครม. ต่อไป เพื่อประกาศใช้และมีผลบังคับตั้งแต่มกราคม 2567 ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ
โดยใช้รูปแบบการเจรจาสิทธิประโยชน์กับนักลงทุน โดยสาระสำคัญของร่างประกาศ ฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 7 หมวด ได้แก่
นอกจากนี้ยังรับทราบความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยที่ประชุม กพอ. รับทราบ การประกาศจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 โดยวิธีประกวดราคานานาชาติ ของกองทัพเรือ และได้เร่งรัดให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รฟท. และเอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินและเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาสรุปแผนการทำงานร่วมกัน
เพื่อให้เงื่อนไขบังคับก่อนการเริ่มต้นโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ทั้งหมดครบสมบูรณ์ตามที่กำหนดในสัญญา เพื่อให้โครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ เริ่มต้นการก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2567 นอกจากนี้ กพอ. ได้เห็นชอบให้ สกพอ. ปฏิบัติตามรายงาน EHIA ของโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 รวมถึงงานก่อสร้างอื่น ๆ ภายในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ได้ขอให้ สกพอ. ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 68 จากสำนักงบประมาณ เพื่อจัดหาบุคคลที่ 3 (Third Party) เป็นผู้ดำเนินการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายใต้รายงาน EHIA อาทิ เสียง อากาศ การสั่นสะเทือน การจัดการของเสีย เป็นต้น