บอร์ดอีอีซี ตั้งศูนย์ธุรกิจ 5.3 แสนล้าน ประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ

26 ธ.ค. 2566 | 17:56 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2566 | 18:05 น.

บอร์ดอีอีซี เห็นชอบจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ มูลค่าการลงทุน 5.34 แสนล้านบาท ประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

วันนี้ (26 ธันวาคม 2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยที่ประชุมเห็นชอบ การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ มูลค่าการลงทุนประมาณ 534,985 ล้านบาท

โดยประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษประเภทเพื่อกิจการพิเศษ บนพื้นที่พัฒนาระยะที่ 1 ประมาณ 5,795 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 14,619 ไร่ ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ดิจิทัล การบินและโลจิสติกส์ การแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและเชิงสุขภาพ ศูนย์สำนักงานใหญ่ภูมิภาคและศูนย์ราชการสำคัญ ศูนย์บริการทางการเงิน ศูนย์ธุรกิจเฉพาะด้านและบริการอื่นๆ กิจการพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย

โดยมีแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ผสมผสานระหว่าง ธรรมชาติ วิถีชีวิต นวัตกรรม และการออกแบบที่เน้นความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสอดคล้องกับอนาคต

 

บอร์ดอีอีซี ตั้งศูนย์ธุรกิจ 5.3 แสนล้าน ประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ

 

สำหรับศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะสามารถรองรับคนอยู่อาศัยได้กว่า 350,000 คน คาดว่าจะเกิดการสร้างงานทางตรงไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง สร้างแรงงานทักษะสูง มีรายได้สูงขึ้น เกิดมูลค่าการจ้างงานกว่า 1.2 ล้านล้านบาท มีกลุ่ม Startup ในธุรกิจและบริการล้ำสมัย ประมาณ 150 – 300 กิจการ สามารถกระตุ้นการขยายตัวของ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านล้านบาท ภายใน 10 ปี และเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2580

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กพอ. เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ... เพื่อนำเสนอต่อ ครม. ต่อไป เพื่อประกาศใช้และมีผลบังคับตั้งแต่มกราคม 2567 ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ 

 

บอร์ดอีอีซี ตั้งศูนย์ธุรกิจ 5.3 แสนล้าน ประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจ

โดยใช้รูปแบบการเจรจาสิทธิประโยชน์กับนักลงทุน โดยสาระสำคัญของร่างประกาศ ฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 7 หมวด ได้แก่

  • หมวด 1 บททั่วไป กำหนดให้มีการให้บริการภาครัฐเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จ  และการกำกับดูแลนักลงทุน
  • หมวด 2 กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ
  • หมวด 3 กำหนดกระบวนการเจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และกำหนดให้มีคณะกรรมการเจรจาสิทธิประโยชน์
  • หมวด 4 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือห้องชุด
  • หมวด 5 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร และการยื่นขอรับ EEC Visa และ EEC work permit
  • หมวด 6 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร
  • หมวด 7 กำหนดกระบวนการเกี่ยวกับการได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นอกจากนี้ยังรับทราบความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดยที่ประชุม กพอ. รับทราบ การประกาศจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 โดยวิธีประกวดราคานานาชาติ ของกองทัพเรือ และได้เร่งรัดให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) รฟท. และเอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินและเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาสรุปแผนการทำงานร่วมกัน

เพื่อให้เงื่อนไขบังคับก่อนการเริ่มต้นโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ทั้งหมดครบสมบูรณ์ตามที่กำหนดในสัญญา เพื่อให้โครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ เริ่มต้นการก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2567 นอกจากนี้ กพอ. ได้เห็นชอบให้ สกพอ. ปฏิบัติตามรายงาน EHIA ของโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 รวมถึงงานก่อสร้างอื่น ๆ ภายในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ได้ขอให้ สกพอ. ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 68 จากสำนักงบประมาณ เพื่อจัดหาบุคคลที่ 3 (Third Party) เป็นผู้ดำเนินการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายใต้รายงาน EHIA อาทิ เสียง อากาศ การสั่นสะเทือน การจัดการของเสีย เป็นต้น